ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มวัสดุ โดยผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
-- คาดตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดไม่เคลื่อนไหวมากนัก เนื่องจากนักลงทุนกำลังประเมินปัจจัยเสี่ยงหลายประการไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงเกี่ยวกับจีนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยดัชนีฟิวเจอร์ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและฮ่องกงขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง
-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่สดใส ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 23.34 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.331% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.881%
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
-- จีนได้สมัครเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) อย่างเป็นทางการแล้ว
ทั้งนี้ นายหวัง เหวินเต้า รมว.พาณิชย์จีน ได้ส่งใบสมัครดังกล่าวต่อนายเดเมียน โอคอนเนอร์ รมว.การค้าและส่งออกของนิวซีแลนด์ ขณะที่รัฐมนตรีทั้งสองจัดการประชุมผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวานนี้
ปัจจุบัน CPTPP มีสมาชิก 11 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก เปรู ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และเวียดนาม ซึ่งการที่จีนจะเข้าเป็นสมาชิก CPTPP จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกทั้ง 11 ประเทศดังกล่าว
-- ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ยังได้แจ้งระงับการซื้อขายหุ้นกู้ภายในประเทศของทางบริษัท ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าอาจปูทางไปสู่การปรับโครงสร้างหนี้ หรืออาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้
สถานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์เริ่มสั่นคลอน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคดังกล่าว
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่าในท้ายที่สุดรัฐบาลจีนจะเข้าช่วยเหลือบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ตามคำกล่าวที่ว่า too big to fail โดยจะไม่ปล่อยให้เกิดการล้มละลาย เนื่องจากการล้มละลายของบริษัทจะสร้างความเสี่ยงครั้งใหญ่ต่อระบบการเงินของจีน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ
-- KPMG ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก ได้ตกลงยอมจ่ายเงินจำนวน 333 ล้านริงกิต (80.11 ล้านดอลลาร์) หรือราว 2,600 ล้านบาทแก่รัฐบาลมาเลเซีย เพื่อยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของ KPMG ในการตรวจสอบบัญชีกองทุน 1MDB ในระหว่างปี 2553-2555
กระทรวงการคลังมาเลเซียออกแถลงการณ์ระบุว่า การบรรลุข้อตกลงไกล่เกลี่ยคดีดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลยุติการดำเนินคดีต่อ KPMG ที่มีการยื่นฟ้องในเดือนก.ค.
-- หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า iPhone รุ่นใหม่ได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากสาวกแอปเปิลในจีนในปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว
ขณะนี้ ลูกค้าแอปเปิลในจีนได้สั่ง pre-order สำหรับ iPhone 13 มากกว่า 2 ล้านคำสั่งบน JD.com เทียบกับ pre-orders 1.5 ล้านคำสั่งสำหรับ iPhone 12 ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Tmall ของอาลีบาบา ซึ่งจะเริ่มรับ pre-orders ในวันนี้ ก็มีแนวโน้มว่าจะได้รับคำสั่งจองซื้อจำนวนมากเช่นกัน
-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกสะสมมีจำนวน 227,580,583 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4,678,504 ราย
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 0.8%
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 15.1% ในเดือนส.ค.
ยอดค้าปลีกที่พุ่งขึ้นในเดือนส.ค. ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายในช่วงก่อนเปิดเทอมการศึกษาในสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 20,000 ราย สู่ระดับ 332,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 330,000 ราย
อย่างไรก็ดี ตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลงสู่ระดับ 335,750 ราย โดยเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 30.7 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.7 จากระดับ 19.4 ในเดือนส.ค.
การพุ่งขึ้นของดัชนีได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.
การเพิ่มขึ้นของสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ เป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่การลดลงของสต็อกสินค้าคงคลัง บ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อยอดขายในอนาคต
ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ อังกฤษจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค., อียูจะเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. และ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
-- นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย