นักวิเคราะห์จากบริษัทอัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ (AllianceBernstein) เตือนว่า บริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างหนักมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย หลังจากที่บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China Evergrande Group) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
"มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากที่ส่งสัญญาณว่ากำลังประสบปัญหาอย่างหนัก บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถประคองธุรกิจต่อไปได้นาน หากช่องทางในการรีไฟแนนซ์ยังคงถูกปิดกั้นต่อไป" นางเจนนี เจิง นักวิเคราะห์ของอัลไลแอนซ์เบิร์นสไตน์ให้สัมภาษณ์ในรายการ Street Signs Asia ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี โดยเตือนถึงผลกระทบแบบโดมิโนจากความเสี่ยงที่เอเวอร์แกรนด์อาจล้มละลาย
นางเจิงยังเตือนด้วยว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเอเวอร์แกรนด์และประสบปัญหาเช่นกันนั้น คิดเป็น 10-15% ของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม หากมีการล้มละลายเกิดขึ้นก็อาจส่งผลกระทบ "ในเชิงระบบ" ไปสู่ภาคส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจด้วย
ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของเอเวอร์แกรนด์เริ่มสั่นคลอน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมภาวะร้อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสกัดการก่อหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ในภาคดังกล่าว
ปัจจุบัน เอเวอร์แกรนด์ประสบปัญหาเนื่องจากมีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และได้รับการเตือนมากกว่าหนึ่งครั้งถึงความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ธนาคารหลายแห่งได้ปฏิเสธที่จะขยายวงเงินกู้ยืมรอบใหม่ให้กับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโครงการของเอเวอร์แกรนด์ที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
นอกจากนี้ บริษัทจัดอันดับยังปรัดลดความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC โดยให้แนวโน้มการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นลบ เนื่องจากสภาพคล่องของเอเวอร์แกรนด์ลดน้อยลง และบริษัทมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับโครงสร้างหนี้
ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ก็ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC+ พร้อมกับเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ของจีนมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยฟิทช์ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ จำนวน 5.72 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)