วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันยังคงเดินหน้าขัดขวางร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้ซึ่งนำเสนอโดยคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แม้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ตาม
ทั้งนี้ เนื่องจากงบประมาณในการบริหารราชการของรัฐบาลกลางสหรัฐจะหมดอายุลงในวันพฤหัสบดีนี้ (30 ก.ย.) และทางรัฐบาลมีกำหนดต้องจ่ายหนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรในวันที่ 18 ต.ค.นี้ สมาชิกพรรคเดโมแครตซึ่งครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจึงพยายามอย่างหนักที่จะผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะทางการเงินของประเทศ
นายมิทช์ แมคคอนเนลล์ แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภายังคงกล่าวหาว่า พรรคเดโมแครตใช้ประโยชน์จากการครองอำนาจในรัฐสภาในการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลวงเงิน 28.4 ล้านล้านดอลลาร์โดยไม่เปิดทางให้สมาชิกพรรครีพับลิกันร่วมโหวต แม้ว่าพรรคเดโมแครตรู้ดีว่า หนี้สินของสหรัฐมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์นั้น เป็นผลมาจากการลดภาษีและการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรยังมีมติให้ยกเลิกเพดานหนี้ของสหรัฐไปจนถึงสิ้นปี 2565
อย่างไรก็ดี วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันได้ขัดขวางร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐต้องปิดการดำเนินงานในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากขาดงบประมาณ และรัฐบาลสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ขณะนี้ สมาชิกสภาคองเกรสมีเวลาเพียง 3 วันในการดำเนินการเพื่อไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลต้องถูกชัตดาวน์ในเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีที่ 30 ก.ย. ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบัน ซึ่งหากสภาคองเกรสล้มเหลวในการดำเนินการดังกล่าว ก็จะส่งผลให้พนักงานของรัฐบาลกลางสหรัฐต้องถูกเลิกจ้างงานในช่วงเวลาที่สหรัฐยังคงเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุข อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19