ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินอีก 1 แสนล้านหยวน (1.55 หมื่นล้านดอลลาร์) ในวันนี้ ซึ่งเป็นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบติดต่อกันเป็นวันที่ 9 และเป็นสถิติการอัดฉีดเงินเข้าระบบที่ต่อเนื่องนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับความต้องการเงินสดที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล รวมทั้งบรรเทาความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นจากวิกฤตหนี้สินของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน
การอัดฉีดเงินของธนาคารกลางจีนในวันนี้เป็นการดำเนินการผ่านทางข้อตกลง reverse repos ประเภทอายุ 14 วัน โดย reverse repo เป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนต้องการบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ หลังจากบริษัทประกาศยอมรับว่ามีปัญหาหนี้และมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาเอเวอร์แกรนด์ซึ่งมีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ในวันนี้สำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค. 2567 หลังจากที่ทางบริษัทผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดที่มีกำหนดชำระเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา
รายงานล่าสุดระบุว่า เอเวอร์แกรนด์ประกาศแผนการขายหุ้นมูลค่า 9.99 พันล้านหยวน (1.5 พันล้านดอลลาร์) ที่ทางบริษัทถือครองอยู่ในธนาคารเสิ้งจิง (Shengjing Bank) ให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐบาลจีน เพื่อระดมเงินทุนในช่วงเวลาที่เอเวอร์แกรนด์กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินจำนวนมาก
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังผลักดันให้บรรดาบริษัทของรัฐบาลและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เข้าซื้อสินทรัพย์บางส่วนในบริษัทเอเวอร์แกรนด์