ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงยังคงเป็นปัจจัยฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,390.72 จุด เพิ่มขึ้น 90.73 จุด หรือ +0.26%
-- เจ้าหน้าที่ 2 รายจากหน่วยงานกำกับดูแลยาแห่งสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยข้อมูลเอกสารภายในกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ทางหน่วยงานจะลงมติในวันจันทร์หน้า (4 ต.ค.) ว่าจะอนุมัติให้ใช้ไฟเซอร์เป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มบูสเตอร์หรือไม่ แต่มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ให้คำแนะนำโดยละเอียดว่าใครควรได้รับวัคซีนดังกล่าว
หากองค์การยาแห่งยุโรป (EMA) สนับสนุนให้ลงมติอนุมัติ EU ก็จะตามรอยสหรัฐ สหราชอาณาจักร และอิสราเอลที่ไฟเขียวฉีดเข็มบูสเตอร์ แม้นักวิทยาศาสตร์ไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเข็มบูสเตอร์มีความจำเป็นหรือไม่ก็ตาม
-- เมื่อคืนที่ผ่านมาบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ แถลงว่า ผลการทดลองพบว่า โมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ซึ่งเป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 หลายสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา
นายเจย์ โกรเบลอร์ หัวหน้าฝ่ายวัคซีนและโรคติดเชื้อของเมอร์ค กล่าวว่า เนื่องจากยาโมลนูพิราเวียร์ไม่ได้เล็งเป้าหมายไปที่หนามโปรตีนของไวรัสโควิด-19 ซึ่งแตกต่างจากวัคซีนโควิด-19 ทั่วๆไป จึงทำให้ยาโมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพในการยับยั้งไวรัสโควิด-19 แม้ว่าจะมีการกลายพันธุ์ก็ตาม
-- นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า วุฒิสภาจะทำการลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน
"เราสามารถอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว และส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ถึงโต๊ะท่านประธานาธิบดีก่อนที่จะสิ้นสุดปีงบประมาณในช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีนี้" นายชูเมอร์กล่าวเมื่อวานนี้
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 4.5 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
-- ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ และมีแนวโน้มที่จะยังคงรักษาสถิติในการปรับตัวลงในเดือนก.ย.ของทุกปี
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 1.63% เมื่อวานนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.04% และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 2.83% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.
-- ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ โดยได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระในวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นดอกเบี้ยของหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค. 2567
ผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวยืนยันว่ายังคงไม่ได้รับการชำระหนี้จากบริษัทจนถึงขณะนี้ หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาทำการแล้ว แม้มีข่าวว่าเอเวอร์แกรนด์สามารถขายหุ้นมูลค่า 9.99 พันล้านหยวน (1.5 พันล้านดอลลาร์) ที่ทางบริษัทถือครองอยู่ในธนาคารเสิ้งจิงให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ของรัฐบาลจีน
-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ได้แจ้งให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 3 แห่งเข้าชี้แจงเกี่ยวกับการลงทุนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีนที่กำลังเผชิญการผิดนัดชำระหนี้ในขณะนี้
ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งได้แก่ DBS Group Holdings, Oversea-Chinese Banking Corp และ United Overseas Bank ต่างก็มีการดำเนินงานในจีนและฮ่องกง
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ เกาหลีใต้มีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนก.ย., ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ญี่ปุ่นจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนส.ค., จีนมีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย.จากไฉซิน, เยอรมนีจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.ย., อียูมีกำหนดเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนส.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564