ปธน.สี จิ้นผิงของจีน จะไม่เดินทางไปร่วมการประชุม G20 ในอิตาลีที่จะเปิดฉากขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ตามมาตรการของจีน โดยจีนยังเป็นประเทศที่หวังจะใช้มาตรการ "โควิดเป็นศูนย์" หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ประเทศที่สามารถควบคุมโควิด-19 ได้ดีอย่างนิวซีแลนด์ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะใช้นโยบายดังกล่าว
-- สื่อรายงานว่า นักลงทุนฝั่งตะวันตกเริ่มถอนการลงทุนออกจากบริษัทจีน เนื่องจากปัญหาด้านการเมืองและความไม่แน่นอนสำหรับจุดยืนของรัฐบาล โดยตัวแทนของ Man Group, Soros Fund Management และ Elliott Management ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มหุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กและในเอเชีย หลังจากที่รัฐบาลจีนได้เดินหน้าปราบปรามบริษัทต่าง ๆ ในหลายภาคอุตสาหกรรม และผลักดันให้เกิด "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน"
-- วุฒิสภาสหรัฐได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัลกอริธึมของเฟซบุ๊ก รวมถึงผลกระทบที่มีต่อเด็กและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน หลังจากที่รองประธานฝ่ายนโยบายเนื้อหาของเฟซบุ๊กกล่าวว่า บริษัทจำเป็นต้องมี "การสนทนาที่จริงจัง" กับฝ่ายนิติบัญญัติและหน่วยงานกำกับดูแล เกี่ยวกับกฎเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการดูแลเนื้อหาออนไลน์
ขณะเดียวกัน การที่เฟซบุ๊กและ WhatsApp ล่มเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ทำให้แอปพลิเคชันส่งข้อความอย่าง Signal และ Telegram ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
-- การที่จีนเดินหน้าปราบปรามผู้เห็นต่างในฮ่องกงได้เปลี่ยนทิศทางของการเมืองของฮ่องกง และทำให้เกิดข้อกังขาในหมู่บุคคลและบริษัทต่าง ๆ โดยจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยปราศจากการทำประชามติเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากเกิดการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติมีบทลงโทษที่รุนแรง ซึ่งเป็นการส่งสารไปยังฮ่องกงและทั่วโลกว่าจีนเอาจริงกับนโยบายดังกล่าว
-- นายแกรี เกนส์เลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) เปิดเผยว่า สหรัฐจะไม่แบนการใช้งานสกุลเงินคริปโตเช่นเดียวกับจีน แต่จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างความมั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมคริปโตจะปฏิบัติตามกฎการคุ้มครองนักลงทุนและผู้บริโภค กฎเกณฑ์ต่อต้านการฟอกเงิน และกฎเกณฑ์ด้านภาษี
-- สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนขับไล่นักการทูตรัสเซีย หากรัสเซียไม่ออกวีซ่าให้กับนักการทูตสหรัฐมากขึ้น
สมาชิกวุฒิสภา 17 คนจากทั้ง 2 พรรค รวมถึงผู้นำของคณะกรรมาธิการฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และหน่วยข่าวกรองของวุฒิสภาระบุในจดหมายที่ส่งถึงปธน.ไบเดนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (4 ต.ค.) ว่า มีนักการทูตรัสเซียมากกว่า 400 คนในสหรัฐ แต่มีนักการทูตสหรัฐเพียงประมาณ 100 คนในรัสเซีย
-- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "Squawk Box" ของสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า เธอคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางเพื่อช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
"ดิฉันกำหนดเส้นตายวันที่ 18 ต.ค.นี้ หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ รัฐบาลสหรัฐก็จะไม่สามารถจ่ายหนี้ตามภาระผูกพันได้ และสิ่งที่จะตามมาคือหายนะ ซึ่งดิฉันคิดว่าความรุนแรงของหายนะครั้งนี้อาจถึงขั้นทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย" นางเยลเลนกล่าว
-- นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า IMF อาจทำการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ IMF มีกำหนดเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ฉบับใหม่ในสัปดาห์หน้า
-- องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) แถลงว่า EMA จะทำการพิจารณาในไม่ช้าว่าจะใช้มาตรการ "rolling review" สำหรับการประเมินประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) หรือไม่
ทั้งนี้ "rolling review" เป็นเครื่องมือด้านกฎระเบียบของ EMA ในการเร่งกระบวนการประเมินผลต่อยาที่มีแนวโน้มให้ประสิทธิภาพสูงในช่วงที่เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
-- นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ซึ่งได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย.ของเกาหลีใต้, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนส.ค.ของเยอรมนี, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ของอียู, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP ของสหรัฐ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)