นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า พรรครีพับลิกันจะสนับสนุนการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐออกไปจนถึงเดือนธ.ค. เพื่อช่วยให้สหรัฐหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้และวิกฤตเศรษฐกิจไปจนกว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถผ่านร่างกฎหมายที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ก่อนสิ้นปีนี้
คำกล่าวของนายแมคคอนเนลล์เป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 400 จุดในช่วงแรก อันเนื่องมาจากความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ
นายแมคคอนเนลล์กล่าวว่า "เพื่อเป็นการปกป้องชาวอเมริกันจากวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในระยะใกล้นี้ เราจะเปิดทางให้พรรคเดโมแครตใช้กระบวนการตามปกติเพื่อผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ฉุกเฉินในวงเงินที่กำหนดเพื่อให้ครอบคลุมระดับการใช้จ่ายในปัจจุบันไปจนถึงเดือนธ.ค. ผมเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้รัฐบาลพรรคเดโมแครตมีเวลาเพียงพอในการผลักดันร่างกฎหมายเพดานหนี้ผ่านการเจรจาที่ประนีประนอมกัน"
ความคืบหน้าเกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคารผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งเพิ่มเพดานหนี้หรือระงับเพดานหนี้ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงอันเนื่องมาจากการผิดนัดชำระหนี้
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 18 ต.ค. ก็จะทำให้สหรัฐเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และอาจฉุดเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังเตือนว่า หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ก็จะส่งผลให้บางประเทศลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐและทำให้ความต้องการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ลดลงด้วย ซึ่งอาจเปิดทางให้สกุลเงินหยวนของจีนเข้ามามีบทบาทแทนสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก
ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ