ผู้ว่าแบงก์ชาติจีนเปิดเผยว่า ทางแบงก์ชาติจะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่อต้านการผูกขาด เพื่อไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ใช้อำนาจของตัวเองในการเอาเปรียบคู่แข่ง โดยบริษัทแพลตฟอร์มที่ทำธุรกิจการเงินด้วยนั้นจะต้องจัดตั้งบริษัทโฮลดิง
ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนเริ่มคุมเข้มและเอาจริงกับการตรวจสอบพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลายแห่ง ตั้งแต่บริษัทในแวดวงเทคโนโลยี ก่อนจะลามไปถึงธุรกิจการศึกษา ต่างถูกจับตามองเป็นพิเศษจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีน
รัฐบาลจีนได้ระบุถึงเหตุผลในการคุมเข้มธุรกิจของภาคเอกชนว่า มาจากความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของภาคเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในสังคม ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้งาน และความมั่นคงของชาติ
หากพิจารณาจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนนั้น พบว่าเศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วนอยู่ที่ราว 38.6% หรือกว่า 1 ใน 3 ของ GDP จีนในปี 2563 เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2551 ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วในชั่วระยะเวลาเพียง 10 ปีเศษ โดยปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะรัฐบาลจีนคอยส่งเสริมและผลักดันธุรกิจในกลุ่มเทคโนโลยี รวมถึงค่อนข้างให้อิสระเสรีในการขยายการเติบโต
ดังนั้นกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ออกมานั้นจึงอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า ถึงเวลาอันสมควรแล้วที่รัฐบาลจะต้องวางกติกาใหม่เพื่อให้ผู้เล่นทุกคนยึดกฎเดียวกัน เพื่อลดความไม่ยุติธรรมและความปั่นป่วนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างเสถียรภาพตลาดในระยะยาว