ฮ่องกงมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสถานะการเป็นศูนย์กลางการเงินของเอเชียให้กับสิงคโปร์ หลังจากที่นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงส่งสัญญาณว่า รัฐบาลฮ่องกงจะยังคงใช้มาตรการควบคุมการเดินทางเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะที่สิงคโปร์ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการด้วยการเปิดให้ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วจากอีก 9 ประเทศเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัว
นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวานนี้ว่า แม้มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพียงรายเดียวก็อาจสร้างความวิตกกังวลอย่างมากในสังคม และรัฐบาลฮ่องกงมีหน้าที่ต้องปกป้องดูแลประชาชน โดยคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ฮ่องกงยังคงบังคับใช้ข้อกำหนดการเดินทางเข้าประเทศที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่ม "ความเสี่ยงสูง" ต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 21 วันในโรงแรมที่กำหนด แม้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วก็ตาม
ตรงข้ามกับสิงคโปร์ที่ประกาศว่าจะเปิดให้ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วจากอีก 9 ประเทศเดินทางเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยโครงการดังกล่าวซึ่งสิงคโปร์ประกาศใช้กับผู้เดินทางจากบรูไนและเยอรมนีเมื่อเดือนที่แล้วนั้น จะขยายครอบคลุมอีก 9 ประเทศซึ่งได้แก่ อังกฤษ, แคนาดา, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, เกาหลีใต้, สเปน และสหรัฐ
การใช้มาตรการกักตัวที่เข้มงวดส่งผลให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของฮ่องกงในฐานะศูนกลางทางการเงินของเอเชีย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโพสต์บนเฟซบุ๊กได้บ่งชี้ถึงความเบื่อหน่ายที่หลายคนรู้สึกในฮ่องกง โดยกลุ่มที่มีสมาชิก 55,000 คนเผชิญกับการกักตัว และมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า "ฉันเกิดและใช้ชีวิตอยู่ในเมืองอันสวยงามแห่งนี้มาเป็นเวลา 36 ปี แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถออกไปไหนได้เลย ฉันไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้" โดยโพสต์ดังกล่าวมีคนกดไลค์มากกว่า 1 พันคน และมีผู้มาเข้ามาแสดงความเห็นอีกเกือบ 500 ความเห็น