ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องร่วมกันว่าจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงกลางเดือนพ.ย. หรือกลางเดือนธ.ค.ปีนี้
"กรรมการเฟดตระหนักว่า หากการตัดสินใจเริ่มปรับลดวงเงิน QE เกิดขึ้นในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ กระบวนการปรับลดวงเงิน QE ก็จะสามารถเริ่มต้นได้ในช่วงกลางเดือนพ.ย.หรือกลางเดือนธ.ค.นี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่ประเมินว่า เมื่อพิจารณาถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเป็นวงกว้างแล้ว กระบวนการปรับลดวงเงิน QE อย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งจะเสร็จสิ้นลงในช่วงกลางปีหน้านั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม" เฟดเปิดเผยในรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21-22 ก.ย.ที่ผ่านมา
-- ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในวันนี้ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงิน โดย MAS ระบุว่า การใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินมีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเสถียรภาพราคาในระยะกลาง
คณะกรรมการ MAS ประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินผ่านทางการกำหนดกรอบอัตราแลกเปลี่ยนแทนการปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์สิงคโปร์แข็งค่าขึ้นหรืออ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสิงคโปร์ภายในกรอบเป้าหมายที่ MAS กำหนดไว้
-- นายกรัฐมนตรี คิม บู-คยอม ของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังเตรียมความพร้อมเพื่อให้ประเทศค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติ หลังจากที่อัตราการฉีดวัคซีนสูงเกือบแตะ 80% แล้ว
นายคิมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐบาล-พลเรือน ครั้งที่ 1 เพื่อร่างมาตรการต่างๆ ในการเตรียมประเทศกลับสู่ภาวะปกติหลังจากที่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 มานานเกือบ 2 ปี ระบุเกาหลีใต้กำลังอยู่ในขั้นเตรียมความพร้อมกลับสู่ภาวะปกติอย่างรอบคอบ
-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกประจำปี 2564 ขณะที่คงมุมมองสำหรับปี 2565 ในรายงานประจำเดือนต.ค.ที่มีการเผยแพร่เมื่อคืนที่ผ่านมา
โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันในปีนี้ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.96 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากข้อมูลที่แท้จริงในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาต่ำกว่าคาด ถึงแม้ทางกลุ่มยังคงเชื่อว่าความต้องการน้ำมันในไตรมาสปัจจุบันจะแข็งแกร่งก็ตาม
ส่วนในปีหน้า โอเปกคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานเดือนก.ย. โดยคาดว่าความต้องการน้ำมันทั่วโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ 100.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพราะได้ปัจจัยหนุนจากแรงกระตุ้นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในประเทศผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ และจากการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีขึ้น
-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% อยู่เล็กน้อย หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนส.ค.
-- เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.74 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 9.4 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.92 ดอลลาร์ต่อหุ้น ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยได้อานิสงส์จากการทำข้อตกลงควบรวมกิจการที่เกิดขึ้นทั่วโลก
กำไรต่อหุ้นของเจพีมอร์แกน เชส ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 3 ดอลลาร์ต่อหุ้น
-- จีนเตรียมตรวจตัวอย่างเลือดหลายหมื่นตัวอย่างของชาวเมืองอู่ฮั่นที่มีการเก็บเอาไว้ที่ธนาคารเลือด โดยเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของทางการจีนที่จะสืบหาต้นตอของโควิด-19
ซีเอ็นเอ็นรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่จีนว่า คณะผู้ตรวจสอบขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเดินทางไปยังอู่ฮั่นเมื่อเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 ได้ขอให้มีการตรวจตัวอย่างเลือดที่ถูกเก็บในช่วงที่โควิดเริ่มระบาด เพื่อดูว่ามีแอนติบอดีต้านไวรัสในตัวอย่างเลือดที่เก็บไว้หรือไม่
-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ โดยเกาหลีใต้จะเปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ย., ออสเตรเลียมีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากเวสต์แพค และอัตราว่างงานแดือนก.ย., จีนจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. และยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.ย., ญี่ปุ่นจะเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)