ปธน.โจ ไบเดนแห่งสหรัฐเรียกร้องให้ภาคเอกชนช่วยบรรเทาปัญหาคอขวดด้านห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งส่อแววส่งผลกระทบต่อช่วงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐ และกล่าวว่า รัฐบาลมีแผนที่จะยกเครื่องระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วประเทศ
ปธน.ไบเดนระบุว่า ท่าเรือลอสแองเจลิสและท่าเรือลองบีชซึ่งเป็น 2 ท่าเรือที่คึกคักที่สุดในประเทศ จะร่วมกันเพิ่มการดำเนินงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อขนตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 500,000 ตู้บนเรือบรรทุกสินค้าที่อยู่ออกนอกชายฝั่ง
ห้างค้าปลีกรายใหญ่อย่างวอลมาร์ทและทาร์เก็ต รวมถึงห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ จะขยายระยะเวลาปฏิบัติงานที่ท่าเรือ เพื่อตอบสนองความต้องการในการขนส่ง
ปธน.ไบเดนกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็น "ก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่" ในการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเสริมว่ารัฐบาลจะเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างมากในกระบวนการดังกล่าว
ผู้นำสหรัฐกล่าวปราศรัยที่ทำเนียบขาวว่า "หากผู้ประกอบการต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง ผมจะดำเนินการตามความเหมาะสมทั้งหมด และหากภาคเอกชนไม่ยอมยกระดับการดำเนินการดังกล่าว ผมจะออกข้อเรียกร้องกับพวกเขา"
ทั้งนี้ เป้าหมายใหญ่ของสหรัฐคือการจัดการกับจุดอ่อนในห่วงโซ่อุปทานที่มีปัญหาเรื้อรังมายาวนาน โดยปัญหาวิกฤตด้านอุปทานส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ขณะที่ยอดขายสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และการชะลอตัวของภาคการขนส่ง