ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงแบงก์ ออฟ อเมริกา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
-- คาดตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกวันนี้ตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์ และแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์
-- แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริการะบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 85 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 71 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 2.287 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์
-- เวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 4 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 3
ทั้งนี้ เวลส์ ฟาร์โก ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 1.17 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.00 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 1.883 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.827 หมื่นล้านดอลลาร์
-- มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตยลีย์ระบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 1.98 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.68 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 1.475 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.40 หมื่นล้านดอลลาร์
-- ซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ประบุว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิพุ่งขึ้น 48% สู่ระดับ 4.6 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 3.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ธนาคารมีกำไร 2.15 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.65 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกัน ธนาคารมีรายได้ 1.715 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.697 หมื่นล้านดอลลาร์
-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะส่งยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ให้แก่คณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอก เพื่อพิจารณาว่ายาโมลนูพิราเวียร์มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ใช้เป็นยารักษาโรคโควิด-19 ในสหรัฐเป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่
การดำเนินการของ FDA มีขึ้น หลังจากที่เมอร์คได้ยื่นเรื่องต่อ FDA เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉิน
ทั้งนี้ คณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA ดังกล่าวจะทำการพิจารณาว่ายาโมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยในการรักษาโรคโควิด-19 หรือไม่ ก่อนที่จะทำรายงานเสนอความเห็นแก่ FDA ต่อไป
หากคณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA ให้การอนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉิน ก็จะเป็นการปูทางให้ FDA ทำการอนุมัติอย่างเป็นทางการต่อไป
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 293,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 318,000 ราย และต่ำกว่าระดับ 329,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลงสู่ระดับ 334,250 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 2563
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% หลังจากดีดตัวขึ้น 0.7% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.7% หลังจากดีดตัวขึ้น 8.3% ในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 5.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2525
-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ สหรัฐเตรียมรายงานยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก เวลา 19.30 น.
จากนั้นจะมีการรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค. เวลา 21.00 น.