นายโตการ์ สิตังกัง รองประธานสมาคมอุตสาหกรรมผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอินโดนีเซีย (GAPKI) คาดการณ์ว่า ยอดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ของอินโดนีเซียในปี 2564 จะลดลง 54.4% เมื่อเทียบรายปี โดยมีสาเหตุมาจากการที่อินเดียซึ่งผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่หันไปใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปีนี้
"ด้วยราคาที่พุ่งสูงขึ้น การนำเข้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่พร้อมใช้ จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการผลิตและกลั่นน้ำมันปาล์มในโรงงานของตัวเอง" นายสิตังกังระบุ
GAPKI คาดว่า อินโดนีเซียจะส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้ 3.27 ล้านตันในปีนี้ เทียบกับ 7.17 ล้านตันในปี 2563 ซึ่งลดลงมาจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 7.5 ล้านตัน เนื่องด้วยปัจจัยด้านราคา
การที่อินเดียมีแนวโน้มนำเข้าน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มากขึ้น ทำให้ GAPKI คาดการณ์ว่า ยอดส่งออกน้ำมันปาล์มโดยรวมปี 2564 ของอินโดนีเซียจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 1.2% แตะ 34.42 ล้านตัน จาก 34.01 ล้านตันของปี 2563 โดยได้รับอานิสงฆ์จากยอดการส่งออกน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่คาดว่าจะขยายตัว 21.2%
อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวเป็นการปรับลดคาดการณ์ยอดส่งออกน้ำมันปาล์มโดยรวมจากก่อนหน้านี้ที่ระดับ 37.5 ล้านต้น เนื่องจาก GAPKI คาดว่า ยอดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของอินโดนีเซียน่าจะลดลงอย่างมาก
ราคาน้ำมันปาล์มที่พุ่งสูงขึ้นทำสถิติใหม่หลายครั้งในปีนี้ เกิดจากปัญหาขาดแคลนซัพพลายในช่วงที่ประเทศต่าง ๆ กำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียประกาศว่า อินโดนีเซียมีแผนที่จะหยุดส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในอนาคต แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ในแผนการดังกล่าว