นายฟรังซัวส์ วิลเลอรอย เดอ กาลฮาว ผู้ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศสและคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) แสดงความเห็นในวันนี้ว่า วิกฤตหนี้ที่เกิดขึ้นกับบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป คาดว่าจะไม่ลุกลามเป็นวงกว้าง
ระหว่างให้สัมภาษณ์ทางสถานีวิทยุฟรองซ์แองโฟ นายเดอ กาลฮาวได้ตอบคำถามที่ว่า กรณีของบริษัทเอเวอร์แกรนด์นั้นจะส่งผลเหมือนกรณีของวาณิชธนกิจเลห์แมน บราเธอร์สที่ล้มละลายในปี 2551 หรือไม่ โดยระบุว่า "ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย ผมคิดว่ากรณีของเอเวอร์แกรนด์นั้นเป็นปัญหาของจีนโดยส่วนใหญ่"
อย่างไรก็ดี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นกู้บางรายของเอเวอร์แกรนด์ออกมาเปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 ชุดที่ครบกำหนดจ่ายเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า วิกฤตหนี้สินของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ทวีความรุนแรงขึ้น
นักลงทุนที่เป็นลูกค้าของเอเวอร์แกรนด์เปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า พวกเขายังไม่ได้รับดอกเบี้ย 9.5% ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2565 และดอกเบี้ย 10% ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2566 โดยเมื่อนับรวมอัตราดอกเบี้ย 10.5% ของหุ้นกู้ชุดที่ 3 ที่มีกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 แล้ว อัตราดอกเบี้ยรวมที่เอเวอร์แกรนด์จะต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อวานนี้มีมูลค่าสูงถึง 148 ล้านดอลลาร์