นายฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนามคาดการณ์ว่า ยอดส่งออกของเวียดนามในปี 2564 จะเพิ่มขึ้น 10.7% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4% เมื่อเทียรายปี
นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้กล่าวในการประชุมสมัชชาแห่งชาติในวันนี้ว่า เวียดนามซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็วที่สุดในเอเชียนั้น ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และส่งผลกระทบต่อคนงานในอุตสาหกรรมหลัก ๆ ของประเทศ
ในไตรมาส 3 ปีนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเวียดนามหดตัวลง 6.17% เมื่อเทียบรายปี อันเนื่องมาจากผลกระทบของมาตรการควบคุมโควิด โดย GDP ไตรมาส 3 หดตัวลงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ดี นายฝั่มคาดว่า ตัวเลข GDP ของเวียดนามจะขยายตัวราว 6.0% - 6.5% ในปีหน้า ในขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับ 4%
"แม้เป้าหมายในปี 2565 เป็นภารกิจที่ยาก แต่เราเชื่อว่าเราจะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจทำให้เสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคตกเผชิญความเสี่ยงก็ตาม" นายฝั่มกล่าว
ทั้งนี้ แม้ว่าเวียดนามสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้จนถึงเดือนพ.ค.ปีนี้ แต่การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสสายพันธุ์เดลตาในนครโฮจิมินห์ได้ส่งผลให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรการควบคุมการเดินทางและการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นฐานที่ตั้งด้านการผลิตของเวียดนาม
ก่อนหน้านี้รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า คนงานชาวเวียดนามจำนวนหลายหมื่นคนได้อพยพออกจากหลายพื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เช่นนครโฮจิมินท์และเมืองบินห์ดอง, ดองไน และลองอัน หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีคนงานอีกหลายล้านคนอพยพตามมาอีก
การอพยพของบรรดาคนงานเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้นำในภาคอุตสาหกรรมได้ออกมาเตือนถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่อาจจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก หลังจากรัฐบาลเวียดนามได้สั่งการให้โรงงานต่าง ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของประเทศจัดเตรียมที่พักให้กับคนงานหรือปิดการดำเนินงานชั่วคราว