ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,609.34 จุด เพิ่มขึ้น 152.03 จุด หรือ +0.43%
-- บริษัทเทสลา อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2564 โดยระบุว่าบริษัทมีกำไรสุทธิเมื่อคำนวนตามหลักการบัญชีทั่วไป (GAAP) อยู่ที่ 1.62 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองที่กำไรสุทธิเกินหลัก 1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรสุทธิ 331 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน เทสลามีรายได้ 1.376 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.363 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 1.86 ดอลลาร์ มากกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 1.59 ดอลลาร์
-- นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษ กล่าวว่า รัฐบาลได้ทำข้อตกลงซื้อยาต้านโควิด-19 ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค และบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งต่างก็เป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ โดยหวังว่าจะสามารถนำมารักษาผู้ป่วยโควิด-19 ภายในปลายปีนี้ หากได้รับการอนุม้ติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขณะนี้ อังกฤษมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 สะสมมากกว่า 8 ล้านราย โดยสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก ขณะที่มีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 40,000 ราย
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 400,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
-- นายอังเดรย์ เบโลซอฟ รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าถึง 6 หมื่นล้านรูเบิล (844.75 ล้านดอลลาร์) หรือราว 28,300 ล้านบาท หากรัฐบาลรัสเซียสั่งปิดภาคธุรกิจทั่วประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิตในรัสเซีย
"มีการประเมินกันว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะเผชิญความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 4 พันล้านรูเบิลต่อวัน และหากมีการปิดภาคธุรกิจเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก็จะมีความเสียหายถึง 6 หมื่นล้านรูเบิล" นายเบโลซอฟกล่าว
-- บิตคอยน์พุ่งขึ้นใกล้ทะลุระดับ 67,000 ดอลลาร์ จ่อแตะ 2,250,000 บาทเมื่อคืนนี้ หลังทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล ขานรับคำกล่าวของนายพอล ทิวดอร์ โจนส์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ ซึ่งระบุว่า เขาชื่นชอบบิตคอยน์มากกว่าทองคำในฐานะเครื่องมือประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดตัวกองทุน ETF บิตคอยน์เป็นครั้งแรกในตลาดหุ้นนิวยอร์กวานนี้
-- นายทอม ลี นักวิเคราะห์จากบริษัทฟันด์สแตรทส์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงสามารถพุ่งขึ้นอีก 6% จนถึงสิ้นปีนี้ แม้ว่าขณะนี้ราคาหุ้นได้ดีดตัวขึ้นมากแล้ว
นายลียังได้ปรับเพิ่มตัวเลขเป้าหมายดัชนี S&P 500 สู่ระดับ 4,800 ในปีนี้ โดยระบุถึงการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์ ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่านักลงทุนมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น
-- มูลนิธิเกตส์ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ระบุว่า ทางมูลนิธิจะจัดสรรเงินจำนวน 120 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,000 ล้านบาทเพื่อช่วยให้ประเทศยากจนสามารถเข้าถึงยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านโควิด-19 ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค
แถลงการณ์ระบุว่า เงินดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนความพยายามในการพัฒนาและผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ในรูปยาสามัญ
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.