ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทรงตัว หลังจากบริษัทอัลฟาเบทและไมโครซอฟท์เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,490.69 จุด ลดลง 266.19 จุด หรือ -0.74%
-- ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.ย. เนื่องจากผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในการใช้จ่าย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงชะลอตัวในไตรมาส 3
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มที่จะปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปีงบประมาณปัจจุบันในรายงานประจำไตรมาสที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันนี้ เนื่องจากโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคญี่ปุ่นยาวนานกว่าที่คาด
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 9.2% สู่ระดับ 9.63 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.79 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ การนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 2.384 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกดิ่งลง 4.7% สู่ระดับ 1.422 แสนล้านดอลลาร์
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 100,000 บาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
-- ธนาคารกลางแคนาดาประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยระบุถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
-- ราคาหุ้นของเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 1% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังเมอร์คอนุญาตให้บริษัทยาทั่วโลกสามารถผลิตยาโมลนูพิราเวียร์โดยไม่เรียกเก็บค่ารอยัลตี ซึ่งจะทำให้บริษัทสูญเสียรายได้จำนวนมาก
ณ เวลา 20.54 น. ราคาหุ้นเมอร์ค ร่วงลง 1.07% สู่ระดับ 81.37 ดอลลาร์
-- บริษัทโบอิ้งเปิดเผยตัวเลขขาดทุนมากกว่าคาดในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากปัญหาในการผลิตเครื่องบินรุ่น 787 Dreamliners ซึ่งทำให้บริษัทต้องชะลอการส่งมอบเครื่องบินรุ่นดังกล่าว
ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 60 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 20 เซนต์/หุ้น
-- ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, เยอรมนีเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค., ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2564 (ประมาณการเบื้องต้น) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย.