นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐประกาศเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว
"เราขอแจ้งให้ทราบว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะเลื่อนการโหวตร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework - BIF) แต่ข่าวดีของเรื่องนี้ก็คือว่า เพื่อให้สมาชิกส่วนใหญ่มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นในการแสดงเสียงสนับสนุนร่างกฎหมายนี้" นางเพโลซีกล่าวในจดหมายที่ส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต
รายงานระบุว่า การตัดสินใจเลื่อนการโหวตร่างกฎหมาย BIF เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นางพรามิลา จายาปาล ประธานกลุ่มส.ส.หัวก้าวหน้าในสภาคองเกรสของสหรัฐ (Congressional Progressive Caucus) กล่าวว่า แผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการมูลค่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ที่ชื่อว่า "Build Back Better Framework" ซึ่งนำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ร่างกฎหมาย BIF มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนของสหรัฐเปิดเผยแผนการใช้จ่ายด้านสวัสดิการมูลค่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) โดยแผนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการลงทุนในพลังงานสะอาดและการแก้ปัญหาโลกร้อนจำนวน 5.55 แสนล้านดอลลาร์, งบประมาณอุดหนุนการดูแลเด็กและการเรียนอนุบาลฟรีจำนวน 4 แสนล้านดอลลาร์, การลดหย่อนภาษีรายได้จากการทำงานและค่าลดหย่อนบุตรจำนวน 2 แสนล้านดอลลาร์ และการลงทุนในการสร้างที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาจำนวน 1.5 แสนล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี แผนการใช้จ่ายล่าสุดนี้ มีมูลค่าน้อยกว่าข้อเสนอเดิมของปธน.ไบเดนซึ่งอยู่ที่ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์
"ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ รวมถึงผมด้วย แต่นั่นคือการประนีประนอม" ปธน.ไบเดนแถลงที่ทำเนียบขาว ก่อนจะออกเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอด G20 ในยุโรป