นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ร่างกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework - BIF) วงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยสภาคองเกรส รวมทั้งแผนการใช้จ่ายด้านสังคมและการลดโลกร้อนที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนนั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตและการจ้างงานในสหรัฐ
นางเยลเลนได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเนวาดา-ลาสเวกัสว่า ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับจะช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจให้กับสหรัฐในระยะยาวโดยไม่ทำให้หนี้สินของประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มาตรการต่าง ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรายได้นั้น จะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล
"ดิฉันเชื่อว่าการผ่านร่างกฎหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ประสิทธิภาพด้านการผลิตปรับตัวสูงขึ้นเท่านั้น แต่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านบวกเป็นวงกว้างด้วย ร่างกฎหมายเหล่านี้จะช่วยเพิ่มการจ้างงานและขยายศักยภาพด้านการผลิตให้กับเศรษฐกิจของเรา" นางเยลเลนกล่าว
นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า การลงทุนด้านการดูแลเด็กซึ่งระบุในร่างกฎหมาย "Build Back Better" นั้น จะช่วยให้คุณแม่ชาวอเมริกันจำนวนมากสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ พร้อมระบุถึงผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า ในช่วงปี 2561-2562 นั้น ผู้ปกครองราว 2 ล้านคนต้องลาออกจากงาน, เลิกทำงาน หรือเปลี่ยนงานครั้งใหญ่ เพื่อจัดการกับปัญหาการเลี้ยงดูบุตร
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังได้กล่าวในรายการ Marketplace ทางสถานีวิทยุแห่งชาติของสหรัฐว่า ร่างกฎหมายเหล่านี้จะช่วยแก้ปัญหาเศษฐกิจในระยะยาว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 พ.ย.) โดยโครงการดังกล่าวจะรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณในการก่อสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ โครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ