ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยผลสำรวจเมื่อวันพฤหัสบดี (11 พ.ย.) บ่งชี้ว่า ผู้บริโภคยูโรโซนคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนจะเพิ่มขึ้น 3% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ก่อนชะลอตัวกลับสู่เป้าหมายของ ECB ที่ระดับ 2%
-- องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) อนุมัติให้ใช้ยารักษาโรคโควิด-19 เพิ่มอีกสองรายการ ได้แก่ ยาโรนาพรีฟ (Ronapreve) ของบริษัทรีเจนเนอรอนและโรช (Regeneron-Roche) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนสัญชาติอเมริกันและสวิตเซอร์แลนด์ และยาเรกคิโรนา (Regkirona) ของบริษัทเซลล์เทรียน (Celltrion) จากเกาหลีใต้
-- ผลการวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The Lancet ระบุว่า วัคซีนโควาซิน (Covaxin) ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่พัฒนาโดยสถาบันวิจัยด้านการแพทย์ของรัฐบาลอินเดีย และบริษัทภารัต ไบโอเทค อินเตอร์เนชันแนล ผู้ผลิตยาสัญชาติอินเดียนั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ได้ 77.8%
-- บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปเปิดเผยว่า ประเทศส่วนใหญ่ในโลกยังไม่พร้อมเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ จึงทำให้โตโยต้าตัดสินใจไม่ร่วมให้คำมั่นกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ว่าจะเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายในปี 2583
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก (เอเปค) โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ
-- บริษัทโมเดอร์นาได้ออกมาปกป้องประสิทธิภาพวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท โดยระบุว่า ประโยชน์ของวัคซีนซึ่งสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรง, การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตนั้น มีมากกว่าความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis)
-- บริษัทโตชิบา คอร์ปของญี่ปุ่นจะเปิดเผยกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ในวันนี้ที่รวมถึงแผนแตกธุรกิจออกเป็น 3 บริษัทมหาชน หลังจากที่โตชิบาเผชิญแรงกดดันจากผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติที่มีบทบาทต่อการดำเนินงานของบริษัท (Foreign activist shareholders)
ทั้งนี้ 3 บริษัทของโตชิบาที่จะแตกออกมา คาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และชิปหน่วยความจำ เพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจคล่องตัวขึ้นและเป็นการเอาใจผู้ถือหุ้นที่ไม่พอใจการที่โตชิบาไม่พยายามผลักดันการเติบโตและเพิ่มมูลค่าของบริษัท
-- จีนเร่งดำเนินการรับมือสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 17 เดือน โดยทางการจีนได้ขอความร่วมมือให้บริษัทหันไปจัดกิจกรรมและงานอีเวนต์ต่าง ๆ ทางออนไลน์แทน
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้ลงนามในกฎหมาย Secure Equipment Act เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทต่าง ๆ ซึ่งสหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ อาทิ หัวเว่ย เทคโนโลยี่ หรือ แซดทีอี คอร์ป ได้รับใบอนุญาตเกี่ยวกับอุปกรณ์ใหม่จากฝ่ายกำกับดูแลของสหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กฎหมายดังกล่าวได้ถูกส่งให้ปธน.ไบเดนลงนาม หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์เมื่อปลายเดือนต.ค. ต่อจากที่สภาผู้แทนฯ ได้ลงมติรับรองในช่วงต้นเดือนต.ค.
-- หุ้นบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ทะยานขึ้นถึง 16% ในช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. หลังจากบริษัทสามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ภายในกำหนด
-- ศาลในรัฐบาลทหารเมียนมาตัดสินจำคุกนายแดนนี เฟนสเตอร์ บรรณาธิการฝ่ายบริหารนิตยสารออนไลน์ "ฟรอนเทียร์ เมียนมา" เป็นเวลา 11 ปีในความผิดหลายข้อหา รวมถึงการยุยงปลุกปั่นให้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข้อมูลที่เป็นการยั่วยุ
-- กระทรวงการคลังเกาหลีใต้เปิดเผยคาดการณ์ในวันนี้ว่า อุปสงค์ภายในประเทศจะฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากภาคบริการส่วนบุคคลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นท่ามกลางการผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นเพื่อควบคุมโรคโควิด-19
-- ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์มีคำสั่งให้ผู้ที่ทำงานในสำนักงานต่าง ๆ ในฟิลิปปินส์จะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือตรวจหาเชื้อเป็นประจำ เนื่องจากปัจจุบันฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
-- บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประกาศกลับมาเดินสายการผลิตเต็มกำลังในโรงงานที่ญี่ปุ่นในเดือนธ.ค.นี้ หลังจากที่ต้องปรับลดกำลังการผลิตตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา