นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ส่งจดหมายถึงนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยระบุว่า เธอคาดว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะพุ่งชนเพดานในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งช้ากว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในวันที่ 3 ธ.ค.เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์
นางเยลเลนกล่าวว่า ระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นอีก 12 วันนั้นจะทำให้สภาคองเกรสมีเวลามากขึ้นในการพิจารณาเพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการเพิ่มหรือยกเลิกเพดานหนี้ โดยหากสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนกำหนดเส้นตาย ก็อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ในจดหมายดังกล่าว นางเยลเลนยังได้อธิบายถึงการทบทวนการคาดการณ์เกี่ยวกับเพดดานหนี้ โดยระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 พ.ย.)
"เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ท่านปธน.ไบเดนได้ลงนามในกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework - BIF) ซึ่งจะมีการจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุน Highway Trust Fund ภายในระยะเวลา 1 เดือนหลังจากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ และกระบวนการโอนเงินจะเสร็จสิ้นในวันที่ 15 ธ.ค."
"แม้ดิฉันมีความมั่นใจอย่างมากว่ากระทรวงการคลังจะสามารถจัดสรรเงินให้กับรัฐบาลได้จนถึงวันที่ 15 ธ.ค. และสามารถจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุน Highway Trust Fund แต่เมื่อประเมินจากสถานการณ์ในขณะนี้แล้ว ดิฉันคิดว่ากระทรวงการคลังอาจจะไม่มีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะจัดสรรให้กับรัฐบาลได้ภายหลังวันที่ 15 ธ.ค." นางเยลเลนกล่าว
นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลสหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย และบั่นทอนสถานะของสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองของโลก
ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ