นายโกคูล หริหราน หัวหน้าร่วมฝ่ายวิจัยเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคมประจำเอเชียแปซิฟิกของบริษัทเจพีมอร์แกนกล่าวต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า ภาวะขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกมีแนวโน้มยืดเยื้อถึงปี 2565 แต่สถานการณ์อาจดีขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไปเนื่องจากมีอุปทานเพิ่มมากขึ้น
วิกฤตการณ์ด้านอุปทานชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่ดำเนินไปแบบต่อเนื่องนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้อุปโภคบริโภค คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และสมาร์ทโฟน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์และนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลนดังกล่าวจะยืดเยื้อจนถึงปี 2566 แต่เจพีมอร์แกนคาดการณ์ในเชิงบวกมากกว่า โดยนายหริหรานกล่าวว่า "เราไม่คิดว่าภาวะขาดแคลนอุปทานจะยืดเยื้อถึงปี 2566 นี่คือสิ่งแรกที่เราบอกได้"
อย่างไรก็ดี เจพีมอร์แกนยังมองว่าปี 2565 นั้นมีความไม่แน่นอนมากขึ้นเล็กน้อย สถานการณ์อาจดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีดังกล่าว เนื่องจากมีอุปทานเพิ่มมากขึ้น แต่ในช่วง 6 เดือนแรกอาจยังคงเห็นการขาดแคลนชิปทั่วอุตสาหกรรมการผลิต
นอกจากนี้ นายหริหรานได้กล่าวเสริมว่า "บริษัทต่าง ๆ จะมีศักยภาพในการผลิตมากขึ้น ไม่เพียงแค่จากโรงหล่อผลิตชิป แต่ยังรวมถึงจากบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์รวม โดยบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์รวมทั้งหมดของสหรัฐและยุโรปกำลังขยายขีดความสามารถของตนเองเช่นกัน ซึ่งบริษัทจำนวนมากเตรียมเดินสายการผลิตตั้งแต่กลางปีหน้าเป็นต้นไป"