สำนักข่าวหลายแห่งได้ทำการเผยแพร่ล่วงหน้าสำหรับร่างแถลงการณ์ที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เตรียมกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย ก่อนที่จะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ นายพาวเวลและนางเยลเลนมีกำหนดเข้ารายงานต่อสภาคองเกรสในทุกไตรมาส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งบังคับใช้ในเดือนมี.ค.2563 โดยรายงานดังกล่าวครอบคลุมถึงโครงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินของเฟดด้วย
สื่อรายงานว่านายพาวเวลคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 5% ในปีนี้ แต่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้สร้างความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยจะกระทบต่อการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้
"เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์สถานการณ์เงินเฟ้อและผลกระทบด้านอุปทานว่าจะยืดเยื้อเพียงใด แต่สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้ก็คือเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นไปจนถึงปีหน้า นอกจากนี้ ตลาดแรงงานที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และค่าแรงที่สูงขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนเงินเฟ้อให้สูงขึ้นเช่นกัน"
"ความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสที่เพิ่มขึ้น และการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน จะทำให้ประชาชนไม่ต้องการกลับเข้าทำงาน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดแรงงานชะลอตัวลง และเพิ่มปัญหาชะงักงันในห่วงโซ่อุปทาน" แถลงการณ์ระบุ
นายพาวเวลยังกล่าวว่า ภาวะไร้สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานซึ่งมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นผลมาจากราคาที่พุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในบางรายการ โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ดีดตัวขึ้น 5% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี
ขณะเดียวกัน นางเยลเลนจะระบุเตือนว่าความล้มเหลวของสภาคองเกรสในการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ