นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนอย่างใกล้ชิด หลังสหรัฐยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้เป็นรายแรกเมื่อวานนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ และตลาดหุ้นในเอเชียดิ่งลงถ้วนหน้าช่วงเช้านี้
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนรายแรกในสหรัฐ โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์
เจ้าหน้าที่ CDC เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันที่ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนรายแรกนี้ได้เดินทางไปยังแอฟริกาใต้ และเดินทางกลับสู่สหรัฐเมื่อวันที่ 22 พ.ย. และมีผลตรวจเชื้อเป็นบวกใน 7 วันหลังจากนั้น
-- นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวได้แถลงกับสื่อมวลชนหลังสหรัฐยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนรายแรกว่า ผู้ติดเชื้อรายนี้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ และขณะนี้ผู้ติดเชื้อได้เข้ารับการกักตัว อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้ทุกคนมีผลตรวจเชื้อเป็นลบ
นายแพทย์เฟาชียังกล่าวด้วยว่า อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น จึงจะทราบว่าไวรัสโอไมครอนสามารถแพร่ระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้ง่ายเพียงใด, ไวรัสจะก่อให้เกิดโรคที่รุนแรงมากเพียงใด และไวรัสสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่
-- นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 581,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเกาหลีใต้ขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3/2564 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้น แม้ว่าการอุปโภคบริโภคในภาคเอกชนขยายตัวได้ดีเกินคาด และยอดส่งออกพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งก็ตาม ข้อมูลของ BOK ระบุว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ซึ่งมีการขยายตัว 0.8% โดยการชะลอตัวของตัวเลข GDP ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า เกาหลีใต้อาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ระดับ 4% ในปีนี้ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดที่ยาวนานของโรคโควิด-19 และปัญหาซัพพลายเชนที่เกิดขึ้นทั่วโลก
-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่เฟดจะปรับนโยบายเพื่อเพิ่มการจ้างงานในสหรัฐ ขณะที่สร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะไม่ดีดตัวสูงขึ้นเป็นเวลานาน
นายพาวเวลระบุว่า เฟดกำลังจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะที่เฟดจะใช้เครื่องมือเพื่อสร้างความสมดุลต่อเป้าหมาย 2 ประการของเฟด ซึ่งได้แก่ การทำให้สหรัฐมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และสร้างเสถียรภาพด้านราคา
-- นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ขณะนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปใน 23 ประเทศทั่วโลก และ WHO คาดการณ์ว่าจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก
นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญกำลังทำการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถในการแพร่กระจายของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน รวมทั้งอาการรุนแรงของโรคที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ บริษัทต่างๆก็กำลังทดลองวัคซีนและยาที่จะรับมือไวรัสดังกล่าว
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 910,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 747,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
-- นายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐมีความกังวลต่อหลักฐานที่บ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังมีแผนที่จะบุกโจมตียูเครน ซึ่งหากรัสเซียดำเนินการดังกล่าว สหรัฐก็จะทำการตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อรัสเซีย
นายบลินเคนกล่าวว่า แผนการของรัสเซียรวมถึงการผ่อนทำลายเสถียรภาพของยูเครนจากภายใน รวมทั้งการใช้ปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่เพื่อบุกยูเครน
-- ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียได้ทวีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่รัสเซียได้ประกาศขับนักการทูตสหรัฐออกจากรัสเซียเพื่อตอบโต้มาตรการเดียวกันจากสหรัฐ
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า เจ้าหน้าที่ในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงมอสโกที่ได้ทำงานมานานกว่า 3 ปีจะต้องเดินทางกลับสหรัฐภายในสิ้นเดือนม.ค.2565
-- ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 58.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 จากระดับ 58.4 ในเดือนต.ค.
การร่วงลงของดัชนี PMI มีสาเหตุจากการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต รวมทั้งการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน แต่ได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน
-- องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19, ภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.6% ในปีนี้ ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ 5.7% ในเดือนก.ย.
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ ออสเตรเลียเตรียมเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนต.ค., ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย., อียูจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์