หุ้นของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ทรุดลง 12% แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีวันนี้ หลังจากที่ทางบริษัทยอมรับว่า ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะสามารถหาเงินได้เพียงพอเพื่อมาชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือไม่ ขณะทางการจีนได้เรียกตัวประธานของบริษัทเข้าประชุมเป็นการด่วน
หุ้นของเอเวอร์แกรนด์ร่วงลงกว่า 12% แตะที่ 1.98 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553
หุ้นของเอเวอร์แกรนด์ปรับตัวลง หลังบริษัทไม่สามารถหาเงินมาชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้มูลค่า 82.5 ล้านดอลาร์ได้ทันกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา และนักลงทุนกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า บริษัทแห่งนี้จะสามารถหาเงินมาชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ทันในช่วงระยะเวลาผ่อนผัน 30 วันซึ่งสิ้นสุดในวันนี้ (6 ธ.ค.) ได้หรือไม่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เอเวอร์แกรนด์พยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อระดมเงินทุนในระหว่างที่ต้องรับมือกับภาระหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเอเวอร์แกรนด์ล้มละลายก็จะส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ของจีนอย่างหนัก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอเวอร์แกรนด์ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่า บรรดาเจ้าหนี้ได้ทวงหนี้จากบริษัทมูลค่ารวมราว 260 ล้านดอลลาร์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้รัฐบาลท้องถิ่นมณฑลกวางตุ้งได้เรียกตัวนายฮุย คา หยาน ประธานบริษัทเข้าประชุม โดยระบุในแถลงการณ์ว่า ทางการจีนจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยบริหารจัดการความเสี่ยง พร้อมส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับการควบคุมภายในบริษัท และรักษาการดำเนินงานให้เป็นปกติ
อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า ความเสี่ยงระยะสั้นที่เกิดจากปัญหาภายในของเอเวอร์แกรนด์นั้นจะไม่บ่อนทำลายการระดมทุนของตลาดในระยะกลางและระยะยาว พร้อมเสริมว่าการขายบ้าน การซื้อที่ดิน และการจัดหาเงินทุนในจีนได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว