นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะเร่งยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565
ทั้งนี้ ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2565 รวมถึงการปรับลดอัตราการซื้อพันธบัตร ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดจะไม่มีปฏิกริยามากนักต่อการตัดสินใจของเฟด เว้นแต่ว่าเฟดจะประกาศนโยบายที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด หรือส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักวิเคราะห์จาก ANZ Research ให้ความเห็นว่า "แนวโน้มที่เฟดจะเร่งปรับลดวงเงินในโครงการ QE จะมีความชัดเจนขึ้นในการประชุม สัปดาห์นี้" พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับลดวงเงิน QE ลงมากถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน เริ่มต้นในเดือนม.ค.นี้ จากปัจจุบันที่ปรับลด 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า สัญญาณชี้นำทิศทางนโยบายการเงิน (Forward Guidance) ของเฟดลดการให้ความสำคัญกับอัตราเงินเฟ้อชั่วคราว (transitory inflation) แต่จะมุ่งเน้นในการดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อทำให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้
ทางด้านนายเดวิด บิอังโก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ DWS Group ประจำสหรัฐ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้งในปี 2565 โดยจะเริ่มปรับขึ้นครั้งแรกในเดือนมิ.ย. ส่วนในปี 2566 คาดว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 4 ครั้ง แต่คาดว่าจะไม่ปรับขึ้นมากนัก