ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ให้กับรัฐบาลกลางสหรัฐแล้วในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ (16 ธ.ค.) เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
การลงนามดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสภาคองเกรสสหรัฐได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางอีก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ สู่ระดับราว 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าการปรับเพิ่มเพดานหนี้ครั้งนี้จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถจ่ายหนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรตามพันธกรณีได้จนถึงปี 2566
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ช่วงเวลาของการอนุมัติเพิ่มเพดานหนี้เกิดขึ้นอย่างฉิวเฉียด เนื่องจากปธน.ไบเดนลงนามในกฎหมายดังกล่าว 1 วันหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐระบุว่า หนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐจะพุ่งชนเพดานในวันที่ 15 ธ.ค. พร้อมกับเตือนว่าการผิดนัดชำระหนี้อาจจะสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ