ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 3 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลการวิจัยครั้งล่าสุดที่ระบุว่า ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,753.89 จุด เพิ่มขึ้น 261.19 จุด หรือ + 0.74%
-- ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 115.8 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 111.9 ในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 110.8
ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐน่าจะยังคงขยายตัวในปีหน้า แม้เผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งกลับมาระบาดหนักอีกครั้งเพราะไวรัสกลายพันธุ์
-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2564 เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.3% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่สองที่ระดับ 2.1% และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 2.1%
ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 6.7% ในไตรมาส 2 และ 6.3% ในไตรมาส 1
-- นายโรเบิร์ต โฮลซแมน กรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยเมื่อคืนวันพุธ (22 ธ.ค.) ว่า ECB อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในช่วงสิ้นปีหน้า และการเรียกร้องให้ ECB ยุติการซื้อพันธบัตรนั้นนับเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่แข็งแกร่งว่า การซื้อพันธบัตรจะสิ้นสุดลงในช่วง 2 ไตรมาสหน้า
ทั้งนี้ ECB เปิดเผยมาตรการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะยุติการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินในเดือนมี.ค.ปีหน้า
-- ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย (IDX) ได้ผ่อนคลายข้อกำหนดสำหรับบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) อันเป็นความพยายามที่จะส่งเสริมให้บริษัทสตาร์ทอัพเข้าจดทะเบียนในตลาด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่ทางการพยายามโน้มน้าวให้บริษัทต่าง ๆ อาทิ GoTo Group ซึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการของ Gojek ซึ่งเป็นแอปเรียกรถ และบริษัทอีคอมเมิร์ซอย่าง Tokopedia ให้ทำ IPO ภายในประเทศ
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐจัดประชุมในคืนวันพุธ (22 ธ.ค.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่และบริษัทเอกชน รวมถึง เฟดเอกซ์ (FedEx) เพื่อหารือเกี่ยวกับความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะแก้ปัญหาภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน
ปธน.ไบเดนได้จัดตั้งคณะทำงานในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และทำเนียบขาวระบุว่า มีความคืบหน้าที่สำคัญในการบรรเทาภาวะคอขวดซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
-- รัฐบาลอังกฤษได้ลดระยะเวลาบังคับประชาชนกักตัวเองเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 จาก 10 วัน ลงเหลือ 7 วัน หากผลตรวจเชื้อออกมาเป็นลบ 2 วันติดต่อกัน
นายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขของอังกฤษประกาศว่า เพื่อลดภาวะชะงักงัน และปฏิบัติตามคำแนะนำทางคลินิกของผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่มีผลตรวจเชื้อเป็นลบในวันที่ 6 และ 7 ของการกักตัว จะได้รับอนุญาตให้ยุติการกักตัวได้
-- รัฐบาลทหารของเมียนมาเปิดเผยในวันพุธ (22 ธ.ค.) ว่า จะยอมรับเงินหยวนเป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระบัญชีอย่างเป็นทางการสำหรับการค้าข้ามพรมแดนในปีหน้า และระบุว่าการเริ่มโครงการพัฒนาร่วมกับจีนเป็นความสำคัญหลักอันดับแรก
รัฐบาลทหารของเมียนมาซึ่งเข้ายึดอำนาจในการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมาระบุว่า เมียนมามีความสัมพันธ์เป็นพิเศษกับจีนซึ่งได้ให้การสนับสนุนทางการเงิน และวัคซีนต้านโรคโควิด-19
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ อังกฤษเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากสถาบัน GfK และรายงานยอดการผลิตรถยนต์เดือนพ.ย., ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค. และสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน