ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (Centre for Economics and Business Research หรือ CEBR) เปิดเผยว่า มูลค่าทางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มพุ่งทะลุ 100 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าที่ได้เคยคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ถึง 2 ปีด้วยกัน
ทั้งนี้ CEBR ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะปรับขึ้นเพราะการฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาดแบบต่อเนื่อง แม้ว่าการหลีกเลี่ยงการกลับไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับฝ่ายกำหนดนโยบายในประเทศต่าง ๆ หากเงินเฟ้อยังคงร้อนแรงต่อไปเช่นนี้
"ประเด็นสำคัญสำหรับช่วงเวลา 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2563 คือเศรษฐกิจต่าง ๆ ของโลกจะรับมือกับภาวะเงินเฟ้ออย่างไร เราคาดหวังว่าการปรับตัวต่อภาวะดังกล่าวในระดับปานกลางจะสามารถทำให้ปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ภาวะชั่วคราวอยู่ภายใต้การควบคุมได้ มิฉะนั้นแล้ว ทั้งโลกก็เสี่ยงจะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 หรือ 2567" นายดักลาส แมควิลเลียมส์ รองประธาน CEBR กล่าว
ในรายงาน World Economic League Table ประจำปี CEBR ยังคาดการณ์ด้วยว่า
-- เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะแซงหน้าสหรัฐในปี 2573 ซึ่งช้ากว่าการคาดการณ์เอาไว้เมื่อปีที่ผ่านมา 2 ปี
-- อินเดียจะทวงคืนสถานะเศรษฐกิจอันดับ 6 ของโลกจากฝรั่งเศสในปีหน้า และกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลกในปี 2574 ซึ่งช้ากว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ 1 ปี
-- เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีแนวโน้มใหญ่กว่าฝรั่งเศสในปี 2579 แม้อังกฤษถอนตัวจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit)
-- เศรษฐกิจของเยอรมนีจะแซงหน้าญี่ปุ่นในปี 2576
-- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะลดการใช้จ่ายผู้บริโภค 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีโดยเฉลี่ยถึงปี 2579 เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ส่งต่อต้นทุนด้านการลงทุนลดคาร์บอนไดออกไซด์
ขณะนี้หลายประเทศประสบปัญหาเงินเฟ้อพุ่งขึ้นท่ามกลางภาวะอุปสงค์ฟื้นตัวแต่ห่วงโซ่อุปทานชะงักงันอันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 โดยในเดือนธ.ค.นี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2564-66 สู่ระดับ 5.3%, 2.6% และ 2.3% ตามลำดับ