จับตาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยล่าสุดสถาบันสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ (RIVM) เปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในเนเธอร์แลนด์แล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในประเทศ โดยสามารถแทนที่สายพันธุ์เดลตา
-- SenseTime บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) รอบใหม่ หลังจากที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำเนื่องจากบริษัทมีบทบาทในการใช้ซอฟต์แวร์จดจำใบหน้าในซินเจียง
รายงานระบุว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะส่งผลให้นายถัง เสี่ยวอู๋ ผู้ก่อตั้งบริษัทก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยมากสุดในโลก
-- นักภูมิคุ้มกันวิทยาจากออกซฟอร์ดเปิดเผยว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน "ไม่เหมือนกับเชื้อโควิดที่ระบาดในปีที่ผ่านมา" ซึ่งเป็นการสนับสนุนงานวิจัยหลายแห่งที่ระบุว่า เชื้อไวรัสโอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าโควิด-19 สายพันธุ์อื่น
ศาสตราจารย์จอห์น เบลล์ เปิดเผยว่า โอมิครอนมีแนวโน้มก่อโรคต่ำกว่า และถึงแม้ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลก็ยังใข้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ นอกจากนี้ งานวิจัยฉบับใหม่จากแอฟริกาใต้ระบุด้วยว่า โอมิครอนมีผลช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
-- บริษัทแอปเปิล อิงค์ ใจป้ำแจกโบนัสเป็นหุ้นมูลค่าสูงสุด 180,000 ดอลลาร์ให้กับวิศวกรบางรายของบริษัท เพื่อเป็นการอัดฉีดไม่ให้พนักงานที่มีความสามารถเปลี่ยนใจย้ายไปทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีคู่แข่ง อาทิ เมตา ของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
-- นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาตำหนิสหรัฐว่า สหรัฐเพิกเฉยต่อพันธะหน้าที่ที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาอวกาศ ซึ่งส่งผลให้นักบินอวกาศตกอยู่ในความเสี่ยง หลังสถานีอวกาศของจีนต้องเคลื่อนที่เพื่อหลบดาวเทียมในโครงการสตาร์ลิงก์ อินเทอร์เน็ต เซอร์วิสเซส (Starlink Internet Services) ของนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทสเปซเอ็กซ์ (SpaceX)
นายจ้าวกล่าวว่า "จีนขอให้สหรัฐออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น"
-- สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจซึ่งคาดการณ์ว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน จากแรงหนุนอุปสงค์ชิปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี โดยคาดว่าจะขยายตัว 22% เทียบรายปี
-- สายการบินเดลตาแอร์ไลน์และอะแลสกาแอร์ไลน์ของสหรัฐตัดสินใจยกเลิกเที่ยวบินหลายร้อยเที่ยวในวันอังคาร (28 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เพราะสภาพอากาศแปรปรวนและยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนพุ่งขึ้น
ทั้งนี้ สายการบินเดลตาเปิดเผยว่าต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 250 เที่ยวจากตารางบินทั้งหมด 4,133 เที่ยวเมื่อวานนี้ ขณะที่สายการบินอะแลสกายกเลิกเที่ยวบินไป-กลับเมืองซีแอตเทิลจำนวน 150 เที่ยว โดยคาดว่าจะมีการยกเลิกและเลื่อนเที่ยวบินตลอดทั้งวัน
-- ดร.โรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยกับ National Public Radio (NPR) ว่า ขณะนี้ CDC ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการแนะนำให้รัฐบาลสหรัฐออกกฏข้อบังคับให้ผู้โดยสารเที่ยวบินภายในประเทศต้องฉีดวัคซีน
"แน่นอนว่าเรื่องเที่ยวบินภายในประเทศกลายเป็นสิ่งที่คนพูดถึงกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เรานำมาพิจารณาในขณะนี้" ดร.วาเลนสกีกล่าว
-- ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐยังคงดีดตัวขึ้นในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 19.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.7% ในเดือนก.ย.
-- กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลออกแถลงการณ์ระบุว่า อิสราเอลจะยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางไปยัง 55 ประเทศ โดยจะมีผลบังคับในวันที่ 30 ธ.ค.
อย่างไรก็ดี การยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมาธิการในรัฐสภาอิสราเอล
-- จับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนธ.ค.จากเกาหลีใต้ และข้อมูลจากสหรัฐซึ่งประกอบด้วยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)