World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 5, 2022 08:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในสหรัฐมีสัดส่วนราว 95% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในประเทศ หลังจากที่มียอดผู้ติดเชื้อใหม่ทะลุ 1 ล้านรายเมื่อวานนี้

ส่วนสถานการณ์โควิดในจีนนั้น ทางการได้สั่งล็อกดาวน์เมืองซีอานมาเป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ ขณะที่เริ่มพบปัญหาอาหารและอุปกรณ์การแพทย์ขาดแคลนในเมืองที่มีประชากรสูงถึง 13 ล้านคน โดยโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าจีนจะใช้มาตรการควบคุมพรมแดนที่เข้มงวดไปเกือบตลอดทั้งปีนี้

-- เทนเซ็นต์ขายหุ้นในบริษัท Sea ของสิงคโปร์ไปกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ โดยตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depository Receipt) ของ Sea ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กร่วงลงกว่า 13%

-- โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดของทองคำ หลังจากที่ผู้คนนิยมเข้าถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น ส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์อาจทะยานไปถึง 100,000 ดอลลาร์

นายแอนโทนี เทรนเชฟ ผู้ก่อตั้ง Nexo แพลตฟอร์มให้กู้ยืมเงินคริปโต คาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอีก และอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ภายในกลางปี 2565

-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ระยะเวลาการส่งมอบชิปเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค. ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปัญหาการขาดแคลนชิปยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มาเป็นเวลาหลายเดือน โดยบริษัทใหญ่หลายแห่ง อาทิ แอปเปิล และฟอร์ด มอเตอร์ สูญเสียรายได้ไปหลายพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากไม่สามารถจัดหาเซมิคอนดักเตอร์สำหรับใช้ในการผลิตได้เพียงพอ

-- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธในช่วงเช้านี้ ขณะที่สำนักข่าวยอนฮัปรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธลงสู่น่านน้ำฝั่งตะวันออก

ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบยิงขีปนาวุธแบบที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ (Submarine-launched Ballistic Missile) หรือ SLBM ซึ่งส่งผลให้ทั่วโลกกังวลว่า เกาหลีเหนืออาจมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในการผลิตอาวุธที่ยากจะสกัดกั้นได้

-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 529,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.6 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 11.075 ล้านตำแหน่ง

ตัวเลขการลาออกจากงานโดยสมัครใจพุ่งขึ้น 370,000 ราย สู่ระดับ 4.5 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราการลาออกจากงานโดยสมัครใจอยู่ที่ระดับ 4.7%

-- สำนักพระราชวังสวีเดนออกแถลงการณ์ระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ ประมุขแห่งสวีเดน และพระราชินีซิลเวีย ทรงมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 ออกมาเป็นบวก

แถลงการณ์ระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีและพระราชินีทรงได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 3 โดสก่อนหน้านี้ และทั้งสองพระองค์ไม่มีอาการรุนแรงจากโรคโควิด-19 แต่อย่างใด

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ออกแถลงการณ์หลังการประชุมกำหนดนโยบายการผลิต โดยระบุว่า ที่ประชุมมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. ตามที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตดังกล่าว แม้ว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่านี้ เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐออกคำแนะนำฉบับใหม่ โดยระบุว่า ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคเข็มที่ 3 สามารถเข้ารับการฉีดโดยมีระยะเวลาห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 5 เดือน จากเดิมที่กำหนดไว้ 6 เดือน

อย่างไรก็ดี CDC ระบุว่า สำหรับวัคซีนของโมเดอร์นา ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะต้องรอเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากที่ฉีดเข็มที่ 2

-- ผลสำรวจของ CNBC/Change Research พบว่า คะแนนความไม่พอใจของชาวอเมริกันต่อการทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธ.ค.2564 โดยมีการมองว่าปธน.ไบเดนประสบความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ผู้ถูกสำรวจจำนวน 56% ไม่พึงพอใจต่อการทำงานของปธน.ไบเดน ซึ่งเป็นตัวเลขย่ำแย่ที่สุดของปธน.ไบเดนก่อนที่เขาจะครบรอบ 1 ปีแรกของการทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

-- จับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันนี้ โดยเกาหลีใต้ได้รายงานทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนธ.ค., ญี่ปุ่นเตรียมเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค., ฝรั่งเศส เยอรมนี และอียู เตรียมเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต ปิดท้ายด้วยสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุม (ช่วงเวลา 02.00 เช้าวันที่ 6 ม.ค.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ