World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 10, 2022 09:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโจ ไบเดนเตรียมแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรส ตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในวันที่ 1 มี.ค. โดยคาดว่าการกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ไบเดนในครั้งแรกนี้ จะได้รับความสนใจไปทั่วโลก ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนและรัสเซีย

นักวิเคราะห์คาดว่า ปธน.ไบเดนจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความสำเร็จ และผลงานของรัฐบาลสหรัฐในปีที่แล้ว โดยเขาจะกล่าวถึงการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ พร้อมกับจะกล่าวถึงสิ่งที่เขาจะดำเนินการต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งของเขา

-- นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม รายงานการจ้างงานดังกล่าวบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 4.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.1%

-- ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวผันผวนในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ว่า จีนพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน 2 รายในเมืองเทียนจิน ซึ่งถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนครั้งแรกในประเทศจีน ส่งผลให้เมืองเทียนจินสั่งระดมการตรวจเชื้อขนานใหญ่ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID

ภายใต้มาตรการ Zero-COVID นั้น รัฐบาลจีนสั่งควบคุมการเดินทางอย่างเข้มงวด และระดมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ครั้งใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีการประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดในเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลให้ภาคธุรกิจวิตกกังวลว่ารัฐบาลจีนอาจจะใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้การผลิตและการขนส่งสินค้าต้องหยุดชะงักลง และเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้ว จากภาวะการอุปโภคบริโภคที่อ่อนแอและการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์

-- ทีมวิจัยของไซปรัสรายงานพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ครั้งใหม่ ซึ่งมีชื่อว่า "เดลตาครอน" โดยยังไม่มีสัญญาณที่น่าวิตกกังวลในขณะนี้

ทั้งนี้ ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ลีออนดิโอส คอสทริคิส หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพและไวรัสวิทยาระดับโมเลกุล มหาวิทยาลัยไซปรัส เป็นผู้ค้นพบไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าว โดยศาสตราจารย์คอสทริคิสให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า ไวรัสกลายพันธุ์มีลักษณะทางพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์เดลตาและไวรัสโอมิครอนอีกบางส่วน จึงได้ชื่อว่า "เดลตาครอน"

ศาสตราจารย์คอสทริคิสกล่าวว่า ทีมวิจัยได้วิเคราะห์ตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจำนวน 25 รายการในไซปรัส หลังจัดลำดับพันธุกรรม 1,377 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการติดตามการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ในไซปรัส

ปัจจุบัน ไซปรัสเข้าสู่การระบาดของโควิด-19 เป็นระลอกที่ 5 ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึงวันละ 5,500 รายโดยประมาณ ขณะที่มีประชากรเพียงล้านคน

-- ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุหลัก 60 ล้านรายแล้ว ณ วันอาทิตย์ที่ 9 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ

ข้อมูลจาก CSSE ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 60,062,077 ราย และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นแตะระดับ 837,504 ราย ณ เวลา 16.41 น.ของวันอาทิตย์ที่ 9 ม.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ สหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มียอดติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในโลก โดยยอดติดเชื้อในสหรัฐคิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดติดเชื้อทั่วโลก ส่วนยอดผู้เสียชีวิตคิดเป็นสัดส่วนกว่า 15% ของยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลก

-- เดอะฮิลล์ สื่อของสหรัฐรายงานว่า เที่ยวบินเกือบ 20,000 เที่ยวได้ถูกยกเลิกในสหรัฐนับตั้งแต่วันคริสต์มาสอีฟ (24 ธ.ค.) ซึ่งรวมถึงเที่ยวบิน 1,760 เที่ยวที่ถูกยกเลิกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 ม.ค.) และเที่ยวบินมากกว่า 4,800 เที่ยวเดินทางถึงที่หมายล่าช้ากว่ากำหนด

รายงานระบุว่า "สายการบินต่าง ๆ ได้ถูกบังคับให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เนื่องจากขาดแคลนพนักงาน หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการบิน"

-- เกิดเหตุเพลิงไหม้อพาร์ทเมนท์ซึ่งตั้งอยู่ในย่านบร็องซ์ นครนิวยอร์กซิตี้ของสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 รายซึ่งรวมถึงเด็ก และมีผู้บาดเจ็บ 63 ราย โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เชื่อว่ามีสาเหตุมาจากเครื่องทำความร้อนทำงานผิดปกติ

นายอิริค อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กซิตี้เปิดเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า "เราเชื่อว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการวางเพลิง แต่เป็นเพราะเครื่องทำความร้อนทำงานผิดปกติ จนทำให้เกิดประกายไฟ และลุกลามกลายเป็นเพลิงไหม้ อีกทั้งยังทำให้ควันแพร่กระจายไปทั่วทั้งอพาร์ทเมนท์ 19 ชั้น"

-- สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังไม่มีการให้พันธสัญญาใด ๆ ในการเจรจาทางการทูตกับรัสเซียในสัปดาห์นี้ที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

แหล่งข่าวกล่าวว่า "รับรองได้ตอนนี้เลยว่าจะไม่มีการให้พันธสัญญาใด ๆ ในการเจรจาเหล่านี้ ซึ่งการเจรจาหารือจะเป็นไปอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม แต่ก็พร้อมสำรวจสิ่งต่าง ๆ ด้วย ทุกสิ่งที่หารือกันจะต้องนำกลับมาพิจารณาที่วอชิงตันและต้องนำไปพิจารณากับพันธมิตรในปลายสัปดาห์นี้ด้วย"

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐและรัสเซียมีกำหนดจัดการประชุมด้านความมั่นคงในวันที่ 9-10 ม.ค. 2565 ที่เมืองเจนีวา จากนั้นในวันที่ 12 ม.ค. รัสเซียจะจัดการเจรจากับนาโต ที่กรุงบรัสเซลส์ และจัดการเจรจากับองค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ซึ่งจะรวมถึงสหรัฐและนาโต ที่กรุงเวียนนาในวันที่ 13 ม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ