นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวได้ดีที่สุดในรอบหลายสิบปี และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้
"เราเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ ซึ่งอาจจะแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก (Great Depression) และผมคาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าก็จะขยายตัวได้ดีเช่นกัน" นายไดมอนกล่าวกับผู้สื่อข่าวของ CNBC ในการประชุม "40th Annual J.P. Morgan Healthcare Conference"
ทั้งนี้ นายไดมอนกล่าวว่า การที่เขามีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐนั้น มีสาเหตุมาจากงบดุลบัญชีที่แข็งแกร่งของผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยเจพีมอร์แกนถือเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐและมีความสัมพันธ์กับภาคครัวเรือนของสหรัฐมากถึง 50%
"งบดุลบัญชีของผู้บริโภคไม่เคยอยู่ในภาวะที่ดีขึ้นอย่างนี้มาก่อน โดยขณะนี้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายมากขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินของผู้บริโภคก็ดีขึ้นอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงเวลา 50 ปี" นายไดมอนกล่าว
นายไดมอนด์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวแม้ว่าเฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์คาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ซึ่งนายไดมอนกล่าวในเรื่องนี้ว่า เขาจะแปลกใจหากเฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้ง
"มีความเป็นไปได้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะรุนแรงกว่าที่เฟดคาดไว้ และเฟดก็อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ ส่วนตัวผมแล้ว ผมจะประหลาดใจมากหากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยแค่เพียง 4 ครั้ง"
อย่างไรก็ดี นายไดมอนมองว่า แม้ว่าผลกำไรของภาคธนาคารจะได้ประโยชน์จากพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นคงไม่ขานรับหากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย
"แต่ละตลาดมีความแตกต่างกัน ผมคาดว่าตลาดหุ้นจะผันผวนอย่างมากในปีนี้หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เราจะโชคดีหากเฟดไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจปรับตัวแบบ Soft Landing" นายไดมอนกล่าว