นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า ยุโรปพร้อมแล้วที่จะยกระดับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ด้วยการประกาศใช้กฎหมายชิปยุโรป (European Chips Act) ในช่วงต้นเดือนก.พ.
"วันนี้ เรามีไมโครชิปไม่ใช่แค่ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและสมาร์ตโฟนของเรา แต่ยังรวมไปถึงในรถยนต์ ระบบทำความร้อนในบ้าน โรงพยาบาล ในเครื่องช่วยหายใจ โดยไม่มีอุปกรณ์ดิจิทัลใดที่ไม่มีชิป" นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่มทางออนไลน์ประจำปี 2565 ที่เมืองดาวอส
Chips Act จะช่วยให้สหภาพยุโรป (EU) เพิ่มความสามารถในด้านการวิจัยและนวัตกรรม, รับรองความเป็นผู้นำในด้านการออกแบบและการผลิต, ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนสำหรับโรงงานผลิตชิป, เตรียมพร้อมได้ดีขึ้นเมื่อเกิดภาวะขาดแคลนและวิกฤติ รวมถึงสนับสนุนบริษัทนวัตกรรมขนาดเล็ก
การขาดแคลนชิปส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในยุโรปในฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ทำให้เห็นถึงการที่ EU ต้องพึ่งพาซัพพลายเออร์จากต่างประเทศ โดยผู้ผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบมากที่สุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ยุโรปเคยผลิตเซมิคอนดักเตอร์ได้ 30-40% ของความต้องการทั่วโลก แต่ปัจจุบันอัตราส่วนดังกล่าวลดลงเหลือ 10% เนื่องจากกระแสโลกาภิวัตน์
นางฟอน เดอร์ เลเยนกล่าวว่า EU ตั้งเป้าที่จะผลิตเซมิคอนดักเตอร์ได้ 20% ของความต้องการทั่วโลกภายในปี 2573 อย่างไรก็ตาม ความต้องการไมโครชิปทั่วโลกอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแล้วในตอนนั้น ซึ่งหมายถึง EU จะต้องเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 4 เท่า