หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐได้ขู่ว่าเขาพร้อมที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หากปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ยังยืนยันที่จะใช้กองกำลังเข้ารุกรานยูเครน บริษัทใหญ่หลายแห่งของสหรัฐได้ออกมาเตือนให้ทำเนียบขาวระมัดระวังผลกระทบที่อาจตามมาจากการกระทำดังกล่าว
สภาการค้าต่างประเทศแห่งชาติ (National Foreign Trade Council) ซึ่งมีสมาชิกเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ อาทิ เชฟรอน และ เจเนอรัล อิเล็กทริก ได้ขอให้ทำเนียบขาวทบทวนมาตรการคว่ำบาตร โดยขอให้ทางการอนุญาตให้บริษัทสามารถส่งออเดอร์ได้ตามคำสั่งซื้อที่มีมาก่อนหน้านี้ และพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่จะได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดดังกล่าว อีกทั้งยังได้ขอให้สภาคองเกรสจำกัดการคว่ำบาตร รวมถึงกรอบเวลาในการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว
นายเจค โคฟวิน ประธานสภาการค้าต่างประเทศแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐควรออกรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการคว่ำบาตร ซึ่งรวมถึงหลักการข้อยกเว้นความรับผิด (safe harbour) หรือกรอบระยะเวลาในการผ่อนคลายมาตรการ เพื่อเปิดทางให้บริษัทสามารถดำเนินการจัดส่งสินค้าได้ตามที่ทำสัญญากับคู่ค้าไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงพิจารณาเกี่ยวกับสินค้าประเภทยาที่ช่วยชีวิตผู้คน หรือการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมตามนโยบายที่สหรัฐยึดถือมาตลอด
นอกจากนี้ บรรดาบริษัทในภาคพลังงานก็ได้ออกข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลสหรัฐเช่นกัน โดยขอให้มีระยะเวลาในการผ่อนคลายมาตรการ เพื่อไม่ให้บริษัทถูกยึดทรัพย์สินไปในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาการค้าที่ทำไว้กับรัสเซียได้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจของสหรัฐเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการคว่ำบาตร ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า ปธน.ไบเดนขู่ว่าจะคว่ำบาตรปธน.ปูตินอย่างเจาะจง หากปธน.ปูตินสั่งการให้กองทัพรัสเซียบุกเข้าเขตแดนของยูเครน ซึ่งถือเป็นการยกระดับจากฝั่งสหรัฐในการป้องกันไม่ให้ผู้นำรัสเซียก่อสงคราม