นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า อาจเป็นเรื่องที่เหมาะสมสำหรับเฟดที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และเดินหน้าเชิงรุกมากขึ้น หากปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นนั้นไม่คลี่คลายลง เช่น ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน
นายฮาร์เกอร์ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก ทีวีในวันอังคาร (1 ก.พ.) ว่า "ตอนนี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% จำนวน 4 ครั้งในปีนี้" พร้อมระบุเสริมว่า "แต่ก็ยังมีความเสี่ยงมากมาย" รวมถึงความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ หรืออาจจะลดลงเร็วกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผู้กำหนดนโยบายของเฟดกล่าวว่า พวกเขาวางแผนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. และเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชีของเฟดภายในปีนี้ และจะยกเลิกนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่กำหนดขึ้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดและเศรษฐกิจในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด
เมื่อถูกถามว่าเขาจะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค.หรือไม่นั้น นายฮาร์เกอร์ระบุว่า เขาจะต้องมั่นใจว่าเป็นเรื่องจำเป็น
ทั้งนี้ นายฮาร์เกอร์กล่าวว่า หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับปัจจุบันและเริ่มปรับตัวลดลง ผมก็ไม่เห็นว่าจะต้องปรับขึ้น 0.50%" และระบุว่า "แต่ถ้าเราเห็นเงินเฟ้อพุ่งขึ้น ผมคิดว่า เราอาจจะต้องดำเนินการเชิงรุกมากขึ้น"