"คุณต้องชี้ชัดให้ได้ว่าความเสี่ยงสำคัญที่สุดที่คุณกำลังเผชิญคืออะไร และต้องแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ... แผนเยียวยาชาวอเมริกัน (American Rescue Plan) มีขนาดที่เหมาะสมและช่วยให้แก้ไขปัญหาได้สำเร็จ" นางเยลเลนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันพุธ (2 ก.พ.)
นอกจากนี้ นางเยลเลนยังกล่าวด้วยว่า ประเทศอื่น ๆ ที่เศรษฐกิจอ่อนแอกว่าสหรัฐอย่างมากก็กำลังรับมือกับเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกัน ซึ่งบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในด้านอุปสงค์จากภาคบริการไปสู่สินค้าและภาวะแปรปรวนด้านอุปทานสินค้าจากผลพวงของโควิด-19
นางเยลเลนคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อตลอดทั้งปีมีแนวโน้มปรับลงสู่ประมาณ 3% จาก 7% ในปี 2564 ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่นักวิเคราะห์ภาคเอกชนคาดการณ์เอาไว้ แม้ในปี 2563 เธอเคยคาดการณ์ในทำนองคล้าย ๆ กันนี้แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เป็นจริง
นางเยลเลนเปิดเผยว่าจะจับตาตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นตัวเลขที่มีประโยชน์ในการชี้ให้เห็นว่าแรงกดดันราคาลดน้อยลงหรือไม่ โดยเธอคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงในครึ่งหลังของปี 2565 และจะแตะ "ระดับประมาณ 2-2.5% ภายในสิ้นปีนี้"