นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า ออสเตรเลียอนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้วเข้าประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.นี้เป็นต้นไป นับเป็นการสิ้นสุดการปิดพรมแดนระหว่างประเทศเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดระยะเวลา 2 ปี
"เงื่อนไขคือคุณต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้วจึงจะเข้าออสเตรเลียได้ นี่คือกฎที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม"
อย่างไรก็ดี ผู้ที่เดินทางเข้าออสเตรเลียยังคงต้องทำตามกฎข้อบังคับการกักตัวของแต่ละรัฐหรือเขตแดนต่าง ๆ เมื่อเดินทางมาถึง ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะต้องยื่นคำร้องเพื่อขอการยกเว้น จึงจะสามารถเดินทางเข้าออสเตรเลียได้
"ผมรู้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังตั้งตารอให้วันนั้นมาถึง และตลอดช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า พวกเขาจะได้โอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือน" นายมอร์ริสันกล่าว
ออสเตรเลียได้เริ่มคลายข้อจำกัดด้านพรมแดนระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยการประกาศครั้งนี้ถือเป็นการคลายข้อจำกัดในขั้นสุดท้าย และมีขึ้นเนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19, ยอดการเข้ารักษาในโรงพยาบาล และยอดผู้ป่วยหนัก มีแนวโน้มลดลงในพื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลีย
การตัดสินใจเปิดประเทศในครั้งนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในสัปดาห์นี้ และจะเข้าประชุมอย่างไม่เป็นทางการร่วมกับกลุ่มพันธมิตร Quad ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ อินเดีย ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เพื่อเพิ่มความพยายามทางการทูตในการแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ และหารือถึงข้อกังวลเกี่ยวกับหมู่เกาะในแปซิฟิกซึ่งสหรัฐมองว่า จีนต้องการใช้เป็นฐานที่มั่น
ทั้งนี้ การเดินทางเยือนของนายบลิงเกนเกิดขึ้นหลังจากที่จีนและรัสเซียประกาศความเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์แบบไร้ขีดจำกัดในระหว่างพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงความร่วมมือเพื่อต่อกรกับสหรัฐอย่างหนักแน่นและชัดเจนมากที่สุด รวมถึงเพื่อจัดระเบียบโลกครั้งใหม่ผ่านการตีความด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยตามวิถีของรัสเซียและจีน