เทสลาเปิดเผยรายงานประจำปีต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) โดยระบุว่า บริษัทขาดทุนจากการลงทุนในบิตคอยน์ไปเป็นมูลค่า 101 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากมูลค่าของเหรียญปรับตัวลง หลังจากที่ลงทุนในบิตคอยน์ไปราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2564 และได้ขายบิตคอยน์ที่ถืออยู่ออกไป 10% ในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานด้วยว่า เทสลาได้รับหมายเรียกจาก SEC จากกรณีที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทโพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ ซึ่งส่งผลต่อมูลค่าหุ้นของบริษัท
หมายเรียกดังกล่าวออกเมื่อวันที่ 16 พ.ย. ซึ่งเป็นเวลาราว 10 วันหลังจากที่นายมัสก์โพสต์ข้อความสอบถามผู้ที่ติดตามบัญชีทวิตเตอร์ว่า เขาควรขายหุ้น 10% ในเทสลาเพื่อนำเงินไปจ่ายภาษีหรือไม่ ซึ่งผลโหวตกว่า 3.5 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 57.9% แนะนำให้เขาขายหุ้นเทสลาจำนวนดังกล่าว และในเวลาต่อมา นายมัสก์ก็ได้ขายหุ้นบริษัทเทสลามูลค่ารวมทั้งสิ้น 6.9 พันล้านดอลลาร์ ณ ขณะนั้น ซึ่งโพสต์ของเขาได้ส่งผลให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น
อนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายมัสก์ต้องเผชิญการลงดาบจากก.ล.ต. สหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ในปี 2561 ทาง SEC ได้ยื่นฟ้องนายมัสก์และเทสลาฐานกระทำความผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์ หลังจากที่นายมัสก์ได้ทวีตข้อความว่าเขากำลังพิจารณานำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์ และในเวลาต่อมาบริษัทเทสลาและนายมัสก์ได้ยุติคดีความกับ SEC ด้วยการจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์ และลงนามในข้อตกลงที่กำหนดว่า นายมัสก์จะต้องยุติบทบาทประธานคณะกรรมการบริหารของเทสลาเป็นการชั่วคราว และข้อความบนทวิตเตอร์ของเขาจะต้องได้รับการตรวจสอบจากทีมกฎหมายก่อนที่จะโพสต์สู่สาธารณะ