สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าในเดือนม.ค. สูงสุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากยอดการนำเข้ายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และเงินเยนที่อ่อนค่าลง
รายงานขั้นต้นจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 2.19 ล้านล้านเยน (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นการขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และเป็นการขาดดุลสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2557 ซึ่งขณะนั้นมีตัวเลขขาดดุลอยู่ที่ 2.80 ล้านล้านเยน
มูลค่าการนำเข้าโดยรวมเพิ่มขึ้น 39.6% จากปีก่อนหน้า แตะที่ 8.52 ล้านล้านเยน โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลในเดือนม.ค. 2522
ราคาน้ำมันดิบ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติเหลวที่พุ่งสูงขึ้น รวมทั้งเงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์นั้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดันตัวเลขมูลค่าการนำเข้าของญี่ปุ่น
การขยายตัวของตัวเลขนำเข้าสูงแซงหน้ายอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 9.6% แตะที่ 6.33 ล้านล้านเยน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 จากราคาสินค้าส่งออกที่ปรับตัวขึ้น เช่น เหล็ก และน้ำมันดีเซล