บริษัท MSCI ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นระดับโลกระบุว่า ทางบริษัทยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ กับรัสเซีย หลังชาติตะวันตกได้พากันออกมาตรการคว่ำบาตร อย่างไรก็ดี บริษัทส่งสัญญาณว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ เช่น ระงับการซื้อขายดัชนีหุ้นต่าง ๆ ของรัสเซีย หากการคว่ำบาตรครั้งใหม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนส่วนใหญ่ทั่วโลก
-- นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารไปประจำการยังแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครน อันเป็นเขตแบ่งแยกดินแดนซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย
-- นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า เขาได้ยกเลิกการประชุมกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียซึ่งวางแผนจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ (24 ก.พ.) หลังจากรัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน
-- กระทรวงการคลังสหรัฐออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) โดยระบุห้ามไม่ให้ทำการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลรัสเซียที่ออกหลังจากวันที่ 1 มี.ค.ในตลาดรอง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "ตัดรัสเซียออกจากแหล่งรายได้ต่าง ๆ ที่ใช้เป็นทุนสนับสนุนรัฐบาลหรือแผนการของประธานาธิบดีปูติน ซึ่งรวมถึงการรุกรานยูเครนมากขึ้น"
-- นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาประกาศมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบแรกต่อรัสเซียเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) หลังจากรัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐ, สหภาพยุโรป, เยอรมนี และอังกฤษได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษด้านการเงินกับรัสเซียแล้ว ขณะที่มีความวิตกว่า รัสเซียจะรุกรานยูเครนเพิ่มขึ้นอีก
-- กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 26,032 ราย ณ วันอังคาร (22 ก.พ.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด และเชื่อว่าอีกไม่กี่สัปดาห์สิงคโปร์จะถึงจุดสูงสุดของการแพร่ระบาดระลอกปัจจุบัน ซึ่งหลังจากนั้นคาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น
-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (KCDC) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) เกาหลีใต้รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 171,452 ราย ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นจากระดับของวันจันทร์ (21 ก.พ.) ที่ 99,573 ราย
-- สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังเดือนมี.ค.อาจมีแนวโน้มไม่แน่นอนมากขึ้น หากรัสเซียบุกยูเครน เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันและน้ำมันเบนซินแพงขึ้น ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่สำหรับชาวอเมริกันจำนวนมาก อีกทั้งผู้บริโภคในสหรัฐยังเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐประมาณ 70% อีกด้วย