สภาหอการค้าอเมริกันเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ว่า ธุรกิจสหรัฐมีมุมมองเชิงลบเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินงานในจีน เนื่องจากมีความตึงเครียดระดับทวิภาคี, การบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง, มาตรการจำกัดด้านกฎระเบียบ และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจบริษัทสมาชิกกว่า 300 แห่งของสภาหอการค้าอเมริกันระบุว่า ความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของตลาดภายในประเทศจีนนั้น ลดลง 11% จากปีก่อนหน้า
บรรดาธุรกิจระบุว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีนถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดต่อการดำเนินธุรกิจ ตามมาด้วยกฎหมายที่ไม่แน่นอน หรือปราศจากความชัดเจน
บริษัทสหรัฐยังกล่าวถึงความยากลำบากในการว่าจ้างกลุ่มคนผู้มีความสามารถทั้งในต่างประเทศและในระดับท้องถิ่น โดยกฎเกณฑ์ด้านโควิด-19 ในจีน ทำให้พนักงานต่างชาติยากที่จะเริ่มต้นการทำงานในจีน และการเมืองถือเป็นอีกปัจจัยที่ขัดขวางการจ้างพนักงานในประเทศ
นอกจากนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลงก็นับเป็นอีกปัจจัยที่ท้าทายสำหรับทั้งบริษัทของจีนและของสหรัฐในจีน
ทั้งนี้ 59% ของผู้ตอบแบบสำรวจคาดการณ์ว่า กำไรปี 2564 จะปรับตัวขึ้นจากปี 2563 แต่ตัวเลขดังกล่าวจะยังคงต่ำกว่าระดับของช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี บริษัทส่วนใหญ่วางแผนทำธุรกิจในจีนต่อไป โดย 2 ใน 3 วางแผนเพิ่มการลงทุนในจีนในปี 2565 แม้มีมุมมองเชิงลบและมีปัญหาหลายประการก็ตาม