เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารโลกระบุว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังคงดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน อาจทำให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่หดตัวลง
นายอินเดอร์มิต กิลล์ รองประธานฝ่ายการเติบโตอย่างยั่งยืน, การเงินและสถาบัน (Equitable Growth, Finance and Institutions) ของธนาคารโลก เผยว่า หากราคาน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจทำให้ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อาทิ จีน, อินโดนีเซีย, แอฟริกาใต้ และตุรกี หดตัวลง" โดยราคาน้ำมันนั้นพุ่งขึ้นกว่าสองเท่าในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา
นายกิลล์ยังระบุว่า สงครามจะซ้ำเติมภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้ช้าอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก รวมถึงเผชิญกับภาวะผันผวนรอบด้านทั้งจากหนี้สินและอัตราเงินเฟ้อ
นายกิลล์ระบุว่า "สงครามส่งผลให้ความผันผวนรุนแรงขึ้นในลักษณะที่จะลุกลามไปทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่เปราะบางในหลายพื้นที่" และยังเพิ่มเติมว่า "ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า วิกฤตความขัดแย้งงจะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกมากน้อยเพียงใด"
นอกจากนี้ บางประเทศในตะวันออกกลาง เอเชียกลาง แอฟริกา และยุโรปต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารจากรัสเซียและยูเครนเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งสองประเทศมีปริมาณการส่งออกข้าวสาลีรวมกันกว่า 20% ของโลก