นายแอนโธนี นาฟเต จากบริษัทซีแอลเอสเอ (CLSA) เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า เมื่อไม่นานมานี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้พุ่งทะยานขึ้นสูงกว่าระดับคาดการณ์ และมีแนวโน้มว่าจะยืนราคาในระดับนี้ไปอีกระยะใหญ่
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือว่าเป็นประโยชน์กับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก โดยมีการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของสินค้าทั้งหมด และด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อาจทำให้จีนต้องพึ่งพาอินโดนีเซียมากขึ้น
ปัจจุบัน รัสเซียเป็นผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน แต่สงครามที่เกิดขึ้นนี้อาจบีบให้จีนต้องหันหน้ามาพึ่งพาการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซียเพิ่มเติมอีกทาง
นายนาฟเตกล่าวว่า อินโดนีเซียจะได้รับประโยชน์จากการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดีดตัวขึ้น รวมถึงปริมาณการส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย
อนึ่ง นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ดีดตัวขึ้นอย่างมาก ขณะที่ราคาน้ำมันทะยานแรงแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก ขณะที่ยูเครนเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ อาทิ ข้าวสาลี และข้าวโพด