วาลคิรี ฟันด์ (Valkyrie Funds) ซึ่งเป็นกองทุน ETF รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐที่มุ่งเน้นลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดเผยว่า ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์
"การพุ่งขึ้นของราคาพลังงานจะส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อบริษัทเหมืองขุดบิตคอยน์ที่มีศักยภาพน้อยที่สุด และหากต้นทุนพลังงานยังคงเพิ่มขึ้นอีก ก็จะทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องถอนตัวจากธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์ แม้ธุรกิจภาคส่วนนี้จะมีศักยภาพในการทำกำไรสูงก็ตาม" นายจอช โอลส์เซวิกซ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของวาลคิรี ฟันด์ระบุ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหมืองขุดบิตคอยน์เป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้พลังงานสูงมาก และต้องใช้คอมพิวเตอร์รุ่นพิเศษในการขุดเพื่อให้ได้เหรียญบิตคอยน์ ด้วยเหตุนี้ต้นทุนพลังงานจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำหนดว่า ธุรกิจเหมืองขุดบิตคอยน์จะมีกำไรมากเพียงใด
ข้อมูลจาก BTC.com ระบุว่า ค่าความยากในการขุดบิตคอยน์ (Bitcoin Mining Difficulty) ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพลังในการประมวลผลที่ลดลงจากเครื่องขุดเหรียญบิตคอยน์ออนไลน์
ในเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนประกาศแบนเหมืองขุดบิตคอยน์ ซึ่งส่งผลให้บรรดาบริษัทเหมืองขุดบิตคอยน์แห่ถอนธุรกิจออกจากจีน และทำให้สหรัฐก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเหมืองขุดบิตคอยน์แห่งใหม่
ทั้งนี้ นายโอลส์เซวิกซ์กล่าวว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบมากขึ้นต่อบริษัทเหมืองขุดบิตคอยน์ในยุโรป หลังจากที่อังกฤษเข้าร่วมกับสหรัฐในการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา