นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกปีนี้ลงเหลือ 0% และคาดว่าจีนจะพลาดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ด้วย โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2565 ของจีนจะขยายตัวเพียง 5.1% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ระดับ 5.5% ส่วนก่อนหน้านี้ มอร์แกน สแตนลีย์เคยคาดการณ์ไว้ว่า ตัวเลข GDP ของจีนในไตรมาส 1 จะขยายตัว 0.6%
สำหรับสาเหตุที่ทำให้มอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนนั้น มาจากการที่รัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์จนถึงวันที่ 20 มี.ค. รวมทั้งล็อกดาวน์มณฑลจี้หลินซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 ที่รัฐบาลจีนตัดสินใจล็อกดาวน์ทั้งมณฑล
ทีมนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งนำโดยโรบิน ซิง ระบุว่า "การล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า จีนให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการควบคุมโควิด-19 ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มว่าจีนจะยังไม่ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ หรือ Covid Zero"
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 5,154 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีกว่า 4,000 รายที่พบในมณฑลจี้หลินซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย โดยมณฑลจี้หลินซึ่งมีประชากรราว 24 ล้านคนได้ถูกล็อกดาวน์ตั้งแต่วันจันทร์ (14 มี.ค.) นอกจากนี้ รัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นจนถึงวันที่ 20 มี.ค. โดยจะปิดระบบขนส่งของรถประจำทางและรถไฟใต้ดินทั้งหมด และห้ามชาวเมืองเซินเจิ้นเดินทางออกนอกเมือง