เอสแอนด์พี โกลบอล โมบิลิตี้ (S&P Global Mobility) ระบุว่า สงครามในยูเครนคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กทั่วโลกลดลงหลายล้านคันไปจนถึงปีหน้า
ทั้งนี้ เอสแอนด์พีได้ปรับคาดการณ์การผลิตรถยนต์ดังกล่าวลง 2.6 ล้านคัน สู่ 81.6 ล้านคันในปี 2565 และ 88.5 ล้านคันในปี 2566 เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนทำให้เกิดปัญหาด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการขาดแคลนชิ้นส่วนที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งต้องพึ่งพาชุดสายไฟจากยูเครน ปัญหาเหล่านี้ทำให้ห่วงโซ่อุปทานซึ่งตึงตัวอยู่แล้ว เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 และการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์นั้น รุนแรงยิ่งขึ้น
เอสแอนด์พีคาดว่า การผลิตรถยนต์ในยุโรปจะหดตัวลงมากที่สุด และได้ปรับคาดการณ์การผลิตรถยนต์ในยุโรปลง 1.7 ล้านคัน โดยในจำนวนนี้เป็นดีมานด์รถยนต์ที่คาดว่าจะลดลงในรัสเซียและยูเครนเกือบ 1 ล้านคัน ส่วนที่เหลือนั้นมาจากการขาดแคลนชิ้นส่วน รวมถึงชิปและชุดสายไฟซึ่งได้รับผลกระทบจากสงคราม
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ชุดสายไฟที่ผลิตในยูเครนราว 45% ซึ่งปกติส่งออกไปยังเยอรมนีและโปแลนด์นั้น ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในเยอรมนีได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยค่ายรถยนต์ อาทิ โฟล์คสวาเกนและบีเอ็มดับเบิลยูเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดหลังรัสเซียบุกโจมตียูเครนในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา