กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ประเทศในเอเชียอาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อกระจายไปทั่วโลก หากราคาผู้บริโภคปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับราคาพลังงาน ซึ่งจะทำให้แรงกดดันจากเงินเฟ้อทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้นและฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ
หากราคาน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้น ต้นทุนของผู้ผลิตก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในท้ายที่สุดก็เลี่ยงไม่ได้ที่ราคาสินค้าจะปรับขึ้นตามมา เมื่อถึงขั้นนั้น สถานการณ์เงินเฟ้อในเอเชียจะกระจายไปทั่วโลก แต่ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น" นายชางยอง รี ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ IMF ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก
การแสดงความเห็นของนายรีบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ว่า เอเชียมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดวงจรราคาสินค้าที่ปรับขึ้นไปทั่วโลก หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นายรียังกล่าวด้วยว่า เงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ แม้ IMF คาดว่า เงินเฟ้อในเอเชียจะแตะระดับสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ สงครามในยูเครนประกอบกับการที่สหรัฐปรับนโยบายการเงินให้กลับสู่ภาวะปกติ (normalization) จะส่งผลให้ราคาอาหารและพลังงานในเอเชียเพิ่มขึ้น และจะกระทบต่อรายได้ที่แท้จริงโดยเฉพาะครัวเรือนที่ยากจน
ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของนายรีมีขึ้น หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ