มอร์แกน สแตนลีย์ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนในปี 2565 ลงในวันนี้ ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปเตือนว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเผชิญกับความเสี่ยงในไตรมาส 2/2565 เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโรคโควิด-19
ทีมนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ซึ่งนำโดยโรบิน ซิง ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2565 ลงเหลือ 4.6% จากระดับ 5.1% พร้อมกับคาดการณ์ว่า จีนจะยังคงใช้นโยบาย Zero-COVID ต่อไปอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนสูงอายุนั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้ทางการจีนยังคงใช้นโยบาย Zero-COVID ต่อไปในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปีนี้
ในสถานการณ์ทั่วไปนั้น ทีมนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์ที่ว่าจะมีการโยกย้ายตำแหน่งทางการเมือง และช่วงเวลาที่จีนเล็งเห็นความจำเป็นในการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ
ส่วนในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนั้น คาดว่าจีนจะประวิงเวลาการยกเลิกนโยบาย Zero-COVID ไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2566 และการกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งจะส่งผลให้เกิดภาวะติดขัดด้านอุปทานอย่างรุนแรง
ทางด้านนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า GDP จีนมีแนวโน้มลดลงราว 0.9% ในไตรมาส 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากรายงานล่าสุดในวันนี้ซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนมี.ค.ร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากโรคโควิด-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนัก