นายมาร์ติน เรเซอร์ ผู้อำนวยการประจำประเทศจีนของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยว่า แม้จะมีความเป็นไปได้ว่ายอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนจะไม่สูงเท่าปีที่แล้ว แต่ในระยะยาวบริษัทต่าง ๆ จะยังคงดำเนินธุรกิจในจีนต่อไป
นายเรเซอร์ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัวว่า จีนยังคงน่าดึงดูดใจสำหรับผู้ประกอบธุรกิจทั่วโลก แม้ค่าแรงจะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งก็ตาม
นายเรเซอร์กล่าวว่า "จีนผลิตสินค้าครอบคลุมทั้งหมด ทั้งการผลิตสินค้าที่ใช้ทักษะต่ำ สินค้าที่ใช้ทักษะปานกลาง และสินค้าที่ใช้ทักษะสูงหรือเทคโนโลยีขั้นสูง และเราคาดว่าจีนจะออกจากภาคการผลิตสินค้าที่ใช้ทักษะต่ำในที่สุด"
ในรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของธนาคารโลก เศรษฐกิจจีนคาดว่าจะเติบโต 5% และอาจจะอยู่ที่ระดับ 4% หากมีสถานการณ์ที่ส่งผลลบในปี 2565
นายเรเซอร์กล่าวว่า อัตราการเติบโตที่ 5% ถือว่าเป็น "การเติบโตที่ดี" เมื่อพิจารณาบริบทของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเมื่อคำนึงถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานพุ่งสูงขึ้น และส่งผลลบต่อการเติบโตของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว รวมถึงการที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
นายเรเซอร์กล่าวเสริมว่า "เราจำเป็นต้องยอมรับว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรง โดยทั่วโลกจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน และการที่จีนเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก แปลว่าจีนก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน"